เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่งซึ่งสามารถรักษาให้หายขาด ได้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาวอาจแสดงอาการในหลายระบบของร่างกายเช่น ทางระบบประ สาท ผิวหนัง ตา กระดูก หัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้าสตรีเป็นโรคนี้ในขณะตั้ง ครรภ์มีโอกาสถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารกในครรภ์ได้ด้วยส่งผลให้ทารกมีภาวะซิฟิลิสแต่กำเนิดได้
ซิฟิลิส
โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ ทริปโปนีมา พัลลิดุม (Treponema pallidum) มีลักษณะคล้ายเกลียวสว่าน (Spirochete bacteria) เชื้อชอบอยู่ในที่มีความชื้นและตายได้ง่ายในที่มีความแห้ง ถูกทำลายได้ง่ายด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เชื้อมีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 4 สัปดาห์หรืออาจนานถึง 3 เดือน
โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ ทริปโปนีมา พัลลิดุม (Treponema pallidum) มีลักษณะคล้ายเกลียวสว่าน (Spirochete bacteria) เชื้อชอบอยู่ในที่มีความชื้นและตายได้ง่ายในที่มีความแห้ง ถูกทำลายได้ง่ายด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ เชื้อมีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 4 สัปดาห์หรืออาจนานถึง 3 เดือน
อาการของโรคซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 3 ระยะดังนี้
- ระยะที่ 1เมื่อได้รับเชื้อบริเวณที่ได้รับเชื้อเช่น ที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง กายวิภาคและสรีรวิทยาอวัยวะเพศภายนอกสตรี) ริมฝีปาก ลิ้น ต่อมทอนซิล หัวนม จะเริ่มมีตุ่มเล็กๆขนาดประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร จากนั้นจะเริ่มขยายออกมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและจะแตกออกกลายเป็นแผลที่กว้างขึ้น เป็นรูปไข่หรือวงรี ขอบมีลักษณะเรียบและแข็ง แผลมีลักษณะสะอาด บริเวณก้นแผลแข็งมีลักษณะคล้ายกระดุม ไม่มีอาการเจ็บ ปวด ต่อจากนั้นเชื้อจะเข้าไปอยู่ที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ ส่งผลให้มีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต เมื่อทิ้งไว้แผลสามารถหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา ระยะนี้เป็นระยะที่ยังไม่แสดงอา การ
- ระยะที่ 2 จะพบหลังการเป็นโรคระยะแรก 2 – 3 สัปดาห์ เชื้อซิฟิลิสจะเข้าไปอยู่ตามต่อมน้ำ เหลืองทั่วร่างกายเช่น บริเวณหลังหู หลังขาหนีบและขาพับ และเข้าไปสู่กระแสเลือด รวมทั้งกระจายไปตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย จะทำให้เกิดผื่นขึ้นตามร่างกายหรือเรียกว่า “ระยะออกดอก” ผื่นที่พบมีความแตกต่างจากผื่นลมพิษทั่วไป เพราะผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นที่บริเวณฝ่ามือด้วยและจะไม่มีอาการคัน ผื่นมีลักษณะเป็นตุ่มนูน และอาจพบมีเนื้อตายจากผื่นเป็นหย่อมๆและพบเนื้อเน่าหลุดออกมา มีน้ำเหลือง และในน้ำเหลืองจะมีเชื้อซิฟิลิส ระยะนี้เป็นระยะที่ติดต่อได้โดย ง่าย ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีผื่นขึ้นเลยแต่อาจจะมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามข้อ ผมร่วงทั่วศีรษะหรือร่วงเป็นหย่อมๆเมื่อทำการตรวจเลือดในระยะนี้จะพบว่ามีผลบวกของเลือดสูงมาก ถ้าผู้ป่วยยังไม่ได้รับการรักษา โรคจะอยู่ใน “ระยะสงบ” โดยเชื้อจะไปหลบซ่อนตามอวัยวะต่างๆในร่างกายและจะไม่แสดงอาการได้นานหลายปี เพียงแต่ตรวจเลือดให้ผลบวกเท่านั้น
- ระยะที่ 3 เป็นระยะสุดท้ายของโรคหรือระยะแฝง เมื่อไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ประมาณ 3 – 10 ปีหลังจากระยะที่ 1 โดยมีอาการตามระบบต่างๆของร่างกายเช่น ตาบอด เนื้อจมูกถูกทำลายจนเป็นรอยโหว่ หูหนวก ใบหน้าผิดรูป กระดูกผุบาง อาจมีสติปัญญาเสื่อม บางรายอาจมีการแสดงออกที่ผิดปกติคล้ายคนเสียสติ ถ้าเชื้อไปอยู่ที่หัวใจก็จะทำให้หัว ใจมีความผิดปกติ ลิ้นหัวใจรั่ว หลอดเลือดแดงใหญ่ที่ออกจากหัวใจมีลักษณะโป่งพองทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ ถ้าเชื้อเข้าไปอยู่ที่ไขสันหลังก็จะทำให้เป็นอัมพาตและมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (ตาย) ได้
โรคซิฟิลิสสามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้ในระยะที่ 1 และถ้าสัม ผัสกับน้ำเหลืองที่ผิวหนังของผู้ที่เป็นโรคนี้ในระยะที่ 2 (ระยะออกดอก) ก็มีโอกาสที่จะรับเชื้อได้เช่นกัน นอกจากนี้ในทารกที่ได้รับเชื้อผ่านมาจากมารดาโดยตรงโดยผ่านจากทางรกก็จะมีอา การแสดงแต่กำเนิดดังจะกล่าวในหัวข้อต่อไป ส่วนโรคในระยะที่ 3 มักเป็นระยะที่ไม่มีการติดต่อ
เชื้อสามารถผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ทำให้เกิดอันตรายต่อทารกแรกคลอด ทารกจะมีภา วะซิฟิลิสแต่กำเนิด โดยพบความพิการผิดปกติเช่น ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ตาบอด สมองเล็ก ตัวบวมน้ำ กระดูก ฟัน และจมูกยุบ นอกจากนี้ทารกจะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (ตาย)ในช่วงแรกคลอดจากภาวะหัวใจล้มเหลวได้
เมื่อเกิดแผลบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์ควรพบแพทย์เสมอ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของแผลที่เกิดขึ้น และเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคซิฟิลิสแม้ว่าจะไม่มีอาการหรืออยู่ในระยะโรคสงบก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เพราะเชื้อซิฟิลิสยังอยู่ในกระแสเลือดและพร้อมที่จะลุกลามจนเกิดอาการที่รุนแรงได้ต่อไป ทั้งนี้แพทย์จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนิซิลลินในขนาดสูง และจะต้องไปฉีดยาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง การขาดยาจะเป็นสาเหตุสำคัญให้โรคไม่หายและเกิดโรคในระยะที่ 3 ได้
การดูแลตนเอง การป้องกัน และการพบแพทย์ในโรคซิฟิลิสคือ
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับหญิง/ชายที่เป็นโรคนี้
- ไม่สำส่อนทางเพศ
- หลีกเลี่ยงการเที่ยวหญิง/ชายบริการ
- ป้องกันการติดเชื้อโดยสวมถุงยางอนามัยชายทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและร่างกายอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการดื่มสุราเพราะจะทำให้ขาดสติ
- รัฐควรมีการควบคุมโรคในกลุ่มหญิง/ชายที่ขายบริการทางเพศ
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เสมอเพื่อร่างกายแข็งแรงและเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
- พบแพทย์เสมอเมื่อมีอาการดังกล่าว อย่ารักษาตัวเอง
- พบแพทย์เสมอเมื่อกังวลในอาการหรือสงสัยตนเองอาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) ซึ่งรวมถึงซิฟิลิส
บรรณานุกรม
1. Sparling PF. Natural history of syphilis. In: Holmes KK. Sparling Pf, Mardh PA, Lemon SM, Stamm WE, Pilot P. Wassercheit JN, Eds. Sexually transmitted diseases. 3rd. McGraw-Hill, 1999, p 475.
Centers for Disease Control and Prevention, Workowski KA, Berman SM. Sexually transmitted diseases treatment guidelines, 2006. MMWR Recomm Rep 2006; 55:1
Kaplan JE, Benson C, Holmes KH, et al. Guidelines for prevention and treatment of opportunistic infections in HIV-infected adults and adolescents: recommendations from CDC, the National Institutes of Health, and the HIV Medicine Association of the Infectious Diseases Society of America. MMWR Recomm Rep 2009; 58:1.
Mitka M. US effort to eliminate syphilis moving forward. JAMA 2000; 283:1555.
1. Sparling PF. Natural history of syphilis. In: Holmes KK. Sparling Pf, Mardh PA, Lemon SM, Stamm WE, Pilot P. Wassercheit JN, Eds. Sexually transmitted diseases. 3rd. McGraw-Hill, 1999, p 475.
Centers for Disease Control and Prevention, Workowski KA, Berman SM. Sexually transmitted diseases treatment guidelines, 2006. MMWR Recomm Rep 2006; 55:1
Kaplan JE, Benson C, Holmes KH, et al. Guidelines for prevention and treatment of opportunistic infections in HIV-infected adults and adolescents: recommendations from CDC, the National Institutes of Health, and the HIV Medicine Association of the Infectious Diseases Society of America. MMWR Recomm Rep 2009; 58:1.
Mitka M. US effort to eliminate syphilis moving forward. JAMA 2000; 283:1555.