ปรึกษาเร็ว แก้ไขได้ดีกว่า

วันนี้ ลุงหมอมีเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของหลายๆ กรณีมาเล่าสู่กันฟัง ระหว่างอ่านไป ลุงหมอขอตั้งคำถามว่า เราจะป้องกันท้องหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ไหมและจะรู้ว่าท้องเร็วกว่านี้และปรึกษาเร็วกว่านี้ได้ไหมหลานๆน่าจะรู้และควรจะรู้นะครับ  
รายแรกเป็นวัยรุ่น มีคุณแม่ คุณยายมาปรึกษาที่คลินิกวัยรุ่นของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เธอตั้งครรภ์กับอาที่เป็นน้องชายพ่อ และผู้ใหญ่ต้องการให้เธอได้เรียนต่อ ผลการตรวจอัลตร้าซาวด์พบว่าเธอตั้งครรภ์ 21สัปดาห์ ความต้องการของวัยรุ่นคนนี้คือ เธอรักลูกไม่ต้องการยุติการตั้งครรภ์ บรรยากาศที่เกิดขึ้นในคลินิกวัยรุ่นในวันนั้นคือ ทั้งผู้หญิงสามคน-สามรุ่นร้องไห้เสียใจ
ที่โรงพยาบาลรัฐอีกแห่ง มีวัยรุ่นมีอายุเพียง 14 ปี ท้องกับเด็กชายอายุน้อยกว่า 2 ปีด้วยความที่เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิงรักหญิง และไม่สามารถเลี้ยงดูทารกที่เกิดมาได้ แต่น่าเสียใจที่มาปรึกษาช้ามาก เพราะท้องได้ 30 สัปดาห์ จำเป็นต้องท้องต่อไป
ที่คลินิกแห่งหนึ่งมีวัยรุ่นหญิงไปปรึกษาคุณหมอเพราะไม่สามารถตั้งครรภ์ต่อไปนี้ ตรวจแล้วท้อง 21 สัปดาห์ คุณหมอไม่สามารถช่วยได้เพราะท้องโตมากแล้ว
ความจริงเหล่านี้สะท้อนว่า วัยรุ่นมักมาปรึกษาช้าเกินไปคือเมื่ออายุครรภ์มากแล้ว ทำให้ความช่วยเหลือเพื่อยุติการตั้งครรภ์มีโอกาสที่จะได้รับการปฏิเสธ จึงจำเป็นต้องตั้งครรภ์ต่อไปทั้งๆ ที่ไม่มีความพร้อมจะเลี้ยงทารกที่เกิดมาได้อย่างมีคุณภาพ
การปรึกษาผ่านหน่วยงานที่ให้การปรึกษา เช่น สายปรึกษาท้องไม่พร้อม 1663 หรือ ไปพบแพทย์พยาบาลที่คลินิกวัยรุ่นโดยตรง ตั้งแต่ประจำเดือนขาดหายไปในช่วง 1-2 สัปดาห์นั้น จึงต้องตระหนักและใส่ใจว่าเรื่องนี้จำเป็นสำคัญมาก และ มีผลต่ออนาคตที่สดใสของตนเอง เพราะจะได้มีทางเลือกไม่ว่าจะยุติการตั้งครรภ์หรือตั้งครรภ์ต่อ ไม่ได้ปิดประตูหรือพบว่าทางออกเป็นทางตัน คือ เราต้องกล้าๆ ตัดสินใจให้ถูกเวลานะครับ
   ลุงหมอมีตัวอย่างการตั้งครรภ์ที่โตมาก ผิดจากการคาดคะเนของวัยรุ่นว่าเกิดได้อย่างไร?
เมื่อวันที่13 มกราคมที่ผ่านมานี้เอง มีหญิงสาววัย 21 ปี กำลังเรียนด้านสาธารณสุข เธอมาคนเดียว
“หนูต้องการตรวจอายุครรภ์ว่าโตเท่าไหร่ค่ะ คือ หนูจำประจำเดือนครั้งล่าสุดไม่ได้ค่ะ” คือ เรื่องประจำเดือนของเธอมันค่อนข้างสับสนทีเดียว เธอมีเลือดออกตั้งแต่พฤศจิกายนปีก่อน แบบวันเว้นวัน แล้วปริมาณก็เล็กน้อยสีน้ำตาล ใช้ผ้าอนามัยวันละแผ่น เป็นอย่างนี้มาทั้งเดือนนั้น พอมาเดือนธันวาคม ประจำเดือนก็ขาดไป
ลุงหมอถามว่า แล้วเดือนตุลาคมเป็นประจำเดือนไหม เธอนั่งคิดทบทวน “น่าจะเป็นราวๆ กลางเดือนค่ะ” “เป็น 5 วันออกมาแบบปกติค่ะ ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่นค่ะ “ลุงหมอถามต่อเรื่องประจำเดือน เธอบอก “เดือนกันยายนและสิงหาคมก็เป็นช่วงกลางเดือนนาน 5 วันเหมือนกัน” แต่ที่ต่างกันคือ เดือนกันยายนเลือดมีสีแดงบ้างแต่ส่วนใหญ่สีน้ำตาล ปลายกันยายนจนถึงเดือนตุลาคมทั้งเดือน เธอจะมีอาการแสบท้อง คลื่นใส้ อาเจียนทั้งวันแต่จะเป็นกลางคืนมากกว่า ได้ไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล 3ครั้ง ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะ ได้ยาแก้โรคกระเพาะและยาแก้คลื่นใส้อาเจียน และได้รับการตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์ 1 ครั้งในเดือนตุลาคม ก็ไม่ท้องแต่ไม่ได้รับการตรวจอัลตร้าซาวด์ พอมาช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน อาการคลื่นใส้อาเจียนหายไป แต่กลับรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย เต้านมโตและเจ็บๆตึงๆ หัวนมจะมีสีคล้ำดำขึ้น แต่เธอก็เข้าใจว่าเคยตรวจท้องมาแล้วจึงไม่น่าจะท้อง ดังนั้นเดือนธันวาคมเธอก็ไม่ได้ตรวจปัสสาวะว่าท้องไหม เธอนั่งนึกทบทวนบอกกับลุงหมอต่อว่าจริงๆ แล้วสังเกตุว่าท้องน้อยโตขึ้นตั้งแต่ปลายพฤศจิกายน และโตจนรู้สึกอึดอัดช่วงธันวาคม สองสามวันก่อนมาพบลุงหมอเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรดิ้นอยู่ในท้อง จึงเอะใจปนตกใจ แล้วไปซื้อแผ่นตรวจปัสสาวะมาทดสอบการตั้งครรภ์ ผลขึ้น 2 ขีดนั่นแสดงว่าตั้งครรภ์
เรื่องการป้องกัน เธอเล่าต่อว่า ที่ผ่านมา แฟนเป็นคนซื้อถุงยางและใช้เมื่อมีเพศสัมพันธ์กันประมาณ80% ถ้าไม่มีถุงยางก็จะใช้วิธีหลั่งภายนอก เธอไม่เคยกินยาคุมฉุกเฉินเลย ลุงหมอบอกว่าน่าจะพลาดจากวิธีหลั่งภายนอก และตรวจอัลตร้าซาวด์วัดศรีษะทารกในครรภ์ได้ 47 มม. ก็เท่ากับอายุครรภ์ 21 สัปดาห์ และมีกำหนดคลอดเดือนพฤษภาคม ปีนี้ เธอตกใจเพราะคิดเองว่าน่าจะท้องแค่ 2 เดือนเท่านั้น เพราะเมนส์เพิ่งขาดไปเดือนธันวานี่เอง ลุงหมอบอกว่าประจำเดือนครั้งสุดท้ายจะเป็นประมาณวันที่ 20 สิงหาคม 58 และเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่องประจำเดือนที่ผ่านมา เธอน่าจะท้องสองเดือนเมื่อตุลาคม สามเดือนที่เดือนพฤศจิกายน และ สี่เดือนเมื่อธันวาคม

จากกรณีดังกล่าว ลุงหมออยากจะเตือนหลานๆ วัยรุ่นว่า ต้องระวังเรื่องลักษณะประจำเดือนปกติกับผิดปกติและอาการต่างๆของการตั้งครรภ์เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นคนนี้ จนกระทั่งลูกดิ้นนะครับ ต้องเฉลียวใจและพบแพทย์ซ้ำ อย่ากลัวหรือเกรงใจ หรือชะล่าใจ ทำให้รู้ไม่เท่าทัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้บอกแฟนและคุยกับแม่แฟนแล้วแม่เขาดีใจที่จะได้หลาน เธอจะไปบอกพ่อแม่ของตัวเธอเองและไปขอร้องอาจารย์ขอเรียนจนจบในเดือนกรกฎาคมปีนี้ให้ได้ ซึ่งเธอจะต้องคลอดก่อนเรียนจบ เธอพูดว่า “หนูพร้อมจะรับความจริงและเผชิญทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น”

ลุงหมอขอชมเชยความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวของเธอจริงๆ
สิ่งที่เรียนรู้และทำให้รับรู้คลาดเคลื่อนไปคือ ความเข้าใจเรื่องประจำเดือนปกติ กับเลือดล้างหน้าที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน(Blastocyst) การตรวจปัสสาวะจากการขาดประจำเดือน ร่วมกับอาการแสดงต่างๆ ของการตั้งครรภ์ที่เปลี่ยนแปลงเมื่อท้องโตขี้น ให้สังเกตตัวเองทั้งสองเรื่องเพื่อกันพลาดนะครับ