“ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของความเป็นหญิงหรือชายเท่านั้น”
หากนี่เป็นการสนทนาในที่ประชุม หรือการพูดด้วยถ้อยคำสวยๆบนเวที ผมคงไม่แปลกใจ หรือกระนั้น อาจจะเป็นผมเสียด้วยซ้ำ ที่ยืนกล่าววลีนี้อยู่บนการบรรยายที่ใดที่หนึ่ง
“เธอช่วยเล่าเรื่องของเธอมาให้หมอฟังหน่อยสิ” นี่มักจะเป็นการเริ่มต้นของผมเพื่อฟังเหตุผลหรือที่มาที่ไปของการมาขอให้ช่วยยุติการตั้งครรภ์จากผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า บ่อยครั้งที่ผมต้องเริ่มอย่างนี้ก่อน เพราะเธอเหล่านั้นมักจะอึดอัด ไม่รู้จะเริ่มต้นการสนทนาอย่างไร หรือกำลังหยั่งเนื้อหยั่งใจว่าหมอที่เธอมาขอรับบริการอยู่นั้น จะแสดงท่าทีหรือมีเจตคติ หรือมีอคติต่อเธอเช่นไร
“หนูไม่พร้อมจะมีลูกตอนนี้ค่ะหมอ ไม่พร้อมเลย” เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีร่างท้วมและมีผิวคล้ำเล็กน้อย อายุราว ๓๐ ต้นๆ ซึ่งหลังจากเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมาก็เปลี่ยนเป็นนั่งก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับผม
หลังจากความเงียบเข้ามาปกคลุมเพียงอึดใจ ผมก็ถามออกไป “เธอช่วยเล่าเรื่องของเธอให้หมอฟังหน่อยสิ”
“แฟนหนูไปมีเมียคนใหม่แล้วค่ะหมอ” โธ่เอ๋ย…เรื่องแบบนี้ผมเจอมาบ่อย คอยดูนะ เธอจะต้องพูดต่อไปว่าไม่มีเงินเลี้ยงลูกคนเดียว ฐานะลำบากยากจนมาก ผมกำลังล้อเล่นกับจิตใจของตัวเอง
“หมอคะ หนูไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร คือ…
คือ…แฟนหนูไปมีเมียใหม่เป็นผู้ชายด้วยกันค่ะ”
เรื่องราวมันมีอยู่ว่า เธอเคยมีสามีมาก่อนหน้านี้ ทั้งคู่รักใคร่ชอบพอกันดี และมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ใครๆต่างก็พากันสงสัยว่าทำไมเธอจึงได้เลือกแต่งงานกับชายคนนี้ คนที่ท่าทางออกจะกระเดียดไปทางตุ้งติ้ง แต่จะไม่แต่งงานกับเขาได้อย่างไรในเมื่อทั้งคู่ก็มีความรักต่อกันอย่างมากมายมาตั้งนานจนมีลูกด้วยกันด้วยซ้ำ
“พ่อของเขา หนูหมายถึงปู่ของลูก เขาก็เป็นกะเทยนะหมอ แกเลิกกับเมียแล้วก็ไปอยู่กินกับผู้ชาย” เรื่องราวเริ่มถูกประติดประต่อ
“แล้ววันหนึ่ง สามีหนูก็มาบอกว่าเขาอยากเป็นผู้หญิง เขาไปถูกใจชอบพอกับผู้ชายอีกคน เขามาบอกขอเลิก หนูก็เลิกกับเขานะหมอ”
“แล้วลูกเธอล่ะ” ผมถาม
“ย่าเขาเอาไปเลี้ยง เขารักของเขามาก แต่หนูอยู่ที่นั่นต่อไม่ได้ เลยต้องแยกออกมา” บอกตรงๆ ว่าผมก็รู้สึกสะเทือนใจไปกับเรื่องราวแบบนี้เหมือนกัน มันไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นัก (เอาใหม่ มันอาจจะปกติก็ได้ แต่ผมไม่ค่อยได้คุยกับคนที่พบปัญหาแบบนี้สักเท่าไหร่)
“แล้วเกิดอะไรขึ้นมากับสามีคนนี้ล่ะ” ยังไม่จบนะครับ เธอเริ่มต้นมาได้อย่างชวนให้ติดตามตั้งแต่เมื่อเริ่มการสนทนา
“แฟนคนนี้เรามาเจอกันที่สงขลาค่ะ เขาเป็นคนขยันทำมาหากิน รักครอบครัวดี เรามีลูกด้วยกันคนหนึ่งเป็นผู้ชาย กำลังน่ารักทีเดียวค่ะหมอ” มาถึงตรงนี้ ผมรู้สึกได้ว่าเธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกเป็นสุข
“ครับ…” ผมแค่ตอบไปเพื่อยืนยันว่ากำลังฟังอยู่
“แต่เมื่อต้นเดือน เขามาบอกกับหนูว่า เขากำลังมีความรักกับแฟนคนใหม่ เขาจะขอย้ายบ้านออกไปอยู่กับแฟนใหม่” เธอเงียบไป และผมก็เลือกที่จะให้ความเงียบเป็นผู้ดำเนินเรื่องต่อไปด้วยตัวมันเอง
“แฟนใหม่ของเขาเป็นกะเทยล่ะหมอ มันสวยด้วย มันสวยจริงๆ สวยจนผัวหนูหลงรักหัวปักหัวปำ” แล้วผมก็ต้องยื่นกระดาษทิชชู่ออกไปให้เธอเพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ความเงียบในใจและเสียงร้องไห้คงอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ
“แล้วเธอก็เพิ่งมารู้ว่าท้องสินะ” ผมเริ่มการสนทนาอีกครั้ง
“ค่ะหมอ เพิ่งรู้จริงๆ หนูหิวบ่อยขึ้น กินเก่งขึ้น และก็เม็นส์ขาด ไปซื้อที่ตรวจมาก็ขึ้น ๒ ขีด หมอคะ หมอช่วยหนูเถอะนะคะ หนูคงเลี้ยงลูกคนนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว” เป็นอย่างไรครับ เรื่องราวที่ดูเหมือนไร้สาระ ไม่น่าใส่ใจ ไม่น่าสนับสนุนการทำแท้ง ไม่อะไรต่อไม่อะไร แต่ผมว่ามันก็คือชีวิต ชีวิตของเขาก็เศร้าแบบเขา ผมอาจจะนึกไม่ออกว่ามันหนักหนาเพียงใด แต่นั่นก็เป็นเรื่องหนักของเขา
เวลาผ่านไปสักระยะจนผมแทบจะลืมเธอคนนี้ไปแล้ว…
“หมอจำหนูได้ใช่ไหม” เธอเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนาก่อนบ้าง คราวนี้ดูเธอแตกต่างออกไปจากคราวก่อนนั้น ดูมีความสุขกับชีวิต
เราพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย แล้วผมก็ถามถึงชีวิตของเธอและลูกชาย
“มันก็ดีตามเรื่องราวของมันค่ะ ตอนนี้มีงานทำ ไม่ต้องเครียดเรื่องรายได้ หนูกำลังมีคนมาชอบพออยู่คนหนึ่ง” เธอคงหยุดเรื่องความรักไว้เพียงเท่านี้
“หมอรู้ไหม” เธอพูดออกมาพร้อมกับหยุดไประยะหนึ่ง ซึ่งมันเป็นระยะหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรอลุ้นจนตัวแทบโก่ง “ลูกชายของหนูคนที่เกิดกับสามีคนที่ไปได้กับกะเทยน่ะ มันก็เป็นกะเทยนะคะ”
“อ้าว…เหรอ แล้วเธอรู้สึกยังไงบ้างล่ะ” คนเรานี่ บางทีก็ถูกทำร้ายจากโชคชะตาไปไม่เหลือชิ้นดีๆไว้ให้สุขใจเลยหรือ ผมแอบรู้สึกอาทรร้อนใจส่งไปให้เธอ แต่ผมอาจจะรู้สึกไปเองคนเดียวก็ได้
“มันก็น่ารักดีนะหมอ หนูรู้สึกเหมือนได้ลูกสาว รู้สึกได้ว่าเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด หนูก็เลยปล่อยให้เขาเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น” ผมเห็นเธอยิ้มออกมาทางดวงตา
“ดีจัง ผมว่ามันเป็นเด็กที่โชคดีมากนะ ที่แม่เข้าใจและยอมรับในตัวลูกแบบนี้” ผมรู้สึกดีตามที่พูดออกไปจริงๆ
“เออ…แล้วแฟนใหม่เธอล่ะ เป็นไง หมอว่าเธอควรคิดดีๆก่อนมีลูกอีกนะ” ผมถาม
“ไม่ต้องกังวลค่ะหมอ หนูคงไม่ท้องหรอกค่ะ เค้าเป็นผู้หญิง” แล้วมันก็มีเรื่องเซอร์ไพร้ซ์ผมอีกจนได้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะหมอ แค่คบหา ไม่ได้มีเซ็กส์กันหรอก แต่เป็นคนที่รู้สึกว่าสบายใจที่ได้อยู่ด้วยกัน” เธอส่งยิ้มมาให้หมอที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้า
“หนูว่า ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของความเป็นหญิงหรือชายเท่านั้น มันมากกว่านั้น มันคือความสัมพันธ์ทางใจนะหมอ”
ครับ ผมเองก็ไม่รู้จะสื่อความรู้สึกออกมาอย่างไรจากการที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอคนนี้ ผมรู้สึกว่า เธอคนนี้ต้องมาเจอผมเพื่อเป็นครูอีกคนหนึ่งของผม สินะ
จึงบันทึกออกมาตามที่มันควรจะเป็น
ธนพันธ์ ชูบุญ ยังคงสอนหนังสือเรื่องเพศศาสตร์ได้อย่างมีความสุข
๘ สค ๖๐ ที่มา : https://www.gotoknow.org