“สวัสดีค่ะ หมอจำหนูได้มั้ย” นี่เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาในทันทีที่เธอมานั่งบนเก้าอี้ในห้องตรวจของผม
“จำไม่ได้” ผมตอบออกไป แถมหยอดไปอีกนิดว่า “ที่ว่าจำไม่ได้นั้น อาจจะมาจาก ๒ สาเหตุ นั่นคือ คนไข้ฉันอาจจะมากไปจนจำเธอไม่ได้ หรือไม่ก็เธอไม่สวยพอที่ฉันจะจำน่ะ” เพียงเท่านี้ก็สามารถลดความอึดอัดระหว่างผมกับเธอลงได้
“หนูคิดว่าหนูท้อง เพราะขาด mens มา เกือบ ๒ เดือนแล้ว วันก่อนตรวจฉี่ไปมันขึ้นขีดเดียวค่ะ” เธอบอก
“แต่หมอคิดว่าเธอท้องจริงๆนะ เพราะที่มันขึ้นอยู่นี้มี ๒ ขีดจ๊ะ” ผมตอบออกไปหลังจากดูผลการตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์
“นี่เป็นท้องที่เท่าไหร่จ๊ะ” ผมถามออกไป
“ท้องที่ ๒ ค่ะ เมื่อราว ๔ ปีก่อน หนูมาที่นี่กับแม่ หมอจำไม่ได้จริงๆเหรอ” ดูท่าทางแม่หนูคนนี้ เธออยากจะให้ผมจำเธอให้ได้จริงๆ
“หนูจำบานพับผืนนี้ได้” เธอชี้ไปที่บานพับที่เป็นที่กั้นระหว่างห้องตรวจภายในกับห้องที่นั่งคุยอยู่ตอนนี้ “ตอนนั้นหนูอยู่ด้านใน ได้ยินหมอคุยกับแม่หนูว่า หมอจะไม่แท้ง”>ทำแท้งเด็ดขาด ถ้าแม่เค้าต้องการลูก”
บทสนทนามาถึงตอนนี้ ผมเริ่มมองเห็นภาพในอดีต ซึ่งตรงกับที่เธอคนนี้อ้างถึง
กว่า ๔ ปีมาแล้ว มีแม่ลูกคู่หนึ่งเข้ามาหาผมด้วยเรื่องลูกสาวของเธอตั้งครรภ์ คนที่เป็นแม่ต้องการจะให้ผมทำแท้งให้ลูกสาวเธอ ในขณะที่เจ้าตัวซึ่งเป็นคนท้องเองกลับไม่ต้องการทำแท้ง “เค้าเป็นลูกของหนู” เธอย้ำมาตลอด แต่แม่ของเธอบอกว่า ลูกสาวคนนี้เรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วเกิดไปได้เสียกับแฟนซึ่งเป็นเด็กเกเร แม่กลัวว่าลูกจะเสียการเรียน เรียนหนังสือไม่จบ กลัวว่าลูกจะทำมาหาเลี้ยงชีพต่อไปไม่ได้ กลัวว่าลูกจะติดยาเสพติด กลัวไปเสียทุกเรื่อง
ในวันนั้นผมไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่เป็นคนกลางนั่งฟังแม่ลูกต่อรองกัน ซึ่งท้ายที่สุด ลูกสาวก็ไม่ยอมทำแท้งอยู่ดี เธอบอกว่า “เค้าเป็นลูกของหนู”
“หนูเลิกกับแฟนคนแรกไปแล้วหมอ นี่ท้องกับแฟนคนปัจจุบัน” เธอบอก
“ฉันก็ไม่ได้แปลกใจ ที่เธอเลิกกับแฟนคนก่อน เพราะตอนนั้นเธออายุน้อยเหลือเกิน ว่าแต่ว่า ใครเลววะ เธอหรือมัน” ผมถามออกไป
“เลวทั้งคู่ค่ะหมอ แฟนหนูเกเร ไม่เรียนหนังสือ เล่นยา ติดพนัน พอหนูคลอดลูก ก็เลยบอกเลิกกับมันตั้งแต่ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ แม่ก็เอาลูกหนูมาเลี้ยงให้ก่อน พอเรียนจบหนูก็กลับมาทำงานที่นี่แหละค่ะ หมอรู้มั้ยว่าแม่รักลูกของหนูมากเลย แกดูแลอย่างดี ทั้งรักทั้งหวง”
“ชีวิตเธอดีใช่มั้ย” ผมรู้สึกตื้นตันไปด้วย
“ค่ะ ดีตามสิ่งที่มันควรจะเป็น แม้ไม่ได้ดีที่สุด แต่หนูก็มีงานทำ มีรายได้ ดูแลตัวเองและครอบครัวได้ และก็มีความสุขดี”
ดีครับ ผมเองก็รู้สึกยินดีไปกับเธอด้วยจริงๆ
และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจของคนที่เป็นหมอได้อย่างดีเลยจริงๆ
ธนพันธ์ ชูบุญกำลังตื้นตัน ๓ พย 5๗