เธอรักเขามากใช่ไหม

เธอรักเขามากใช่ไหม…เวลาเธอนอนกับเขา เธอรู้สึกมีความสุขมากใช่ไหม
คำว่า “นอนกับเขา” ในภาษาที่ผมถามออกไปนั้นย่อมหมายความว่าการมีเพศสัมพันธ์ด้วยอย่างไม่มีข้อสงสัย
เนื่องจากตลอดเวลากว่า ๑๐ นาทีที่เราคุยกันนั้น เรากำลังพูดกันอยู่ถึงเรื่องนี้อยู่อย่างเข้มข้น
ผมเจอเจ้าหนูคนนี้มาตั้งแต่เธออายุ ๑๓ ปี ตอนนั้นอาของเธอพามาพบผมด้วยเรื่องการขาดประจำเดือนและผู้เป็นอา
มีความกังวลว่าเธอจะตั้งครรภ์ ในบันทึกทางการแพทย์ของผมนั้นพบว่า ผมได้ตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์
แล้วออกมาเป็นผลลบมีการเขียนแนะนำเรื่องการคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย มีการแนะนำเรื่องการฉีดวัคซีน
ป้องกันเชื้อ HPV หรือไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก
แล้วเธอก็หายไปจากระบบของผมนาน ๓ ปี
วันนี้สาวน้อยวัย ๑๖ รูปร่างสมส่วนสมวัยสาว ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง หน้าตายิ้มแย้ม เดินเข้ามานั่งตรงหน้าผม
เธอมากับอาคนเดิมหลังจากรับไหว้ก็รีบก้มลงตรวจสอบประวัติอย่างรวดเร็วและผมก็จำเธอได้ เด็กหญิงวัย๑๓
เมื่อ ๓ ปีที่แล้วตอนนี้เป็นนางสาวหน้าตาสะสวยไปเรียบร้อย ผมถามเธอว่า “เป็นยังไง หายไปนานเลยนะ”
เธอตอบว่า เม็นส์มาไม่ปกติและกลัวว่าจะตั้งท้อง
ผมก็ถามออกไปว่า “ถ้าท้องแล้วทำไมเหรอ” เธอยิ้มกลับมาให้เป็นคำตอบ”นี่เธอยังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนเดิมอยู่ใช่ไหม” ผมถาม เธอตอบว่าใช่

“แล้วถ้าท้อง เธอพร้อมจะเลี้ยงลูกรึยัง” ผมยังยิงรัว เธอบอกว่า ไม่พร้อม แต่ก็เลี้ยงได้

นี่เป็นข้อพึงสังเกตอย่างหนึ่งนะครับส่วนมากหากคนที่ตั้งท้องอายุน้อยๆเช่นนี้มาพบผมเธอเหล่านั้น
ส่วนมากจะตอบว่ามีความสามารถในการเลี้ยงลูกได้ผิดกับพวกสาวๆที่อายุเกิน ๑๘ ปีขึ้นไป
ที่จะไม่ยอมรับการตั้งท้องที่เกิดขึ้น พวกเธอมาหาผมเพื่อที่จะขอทำแท้งเสียเป็นส่วนใหญ่

ผมพยายามคิดว่าทำไมคำตอบจึงออกมาเช่นนี้ สรุปด้วยตรรกะอันน้อยนิดของตัวเองน่าจะเป็นเพราะว่ามันยังเป็นเด็กเอามากๆน่ะสิ
มันไม่รู้หรอกว่าการเลี้ยงลูกเป็นอย่างไรเวลาลูกเป็นไข้มันยุ่งแค่ไหน มันคงคิดไปว่าลูกเป็นเหมือนตุ๊กตาที่เล่นด้วยกันได้
ออกลูกมาแล้วคงวิ่งเล่นเป็นเพื่อนกันได้เลยกระมัง มันจึงบอกว่าสามารถเลี้ยงลูกได้

ต่อไปนี้ เป็นการสนทนาระหว่างผมกับเจ้าหนูคนนี้

ผ (หมายถึง ผม) : ถามจริงเหอะ เธอนอนกันเดือนละกี่ครั้ง โทษที หมอถามใหม่ สัปดาห์ละกี่ครั้ง
ด (หมายถึง เจ้าเด็กคนนั้น) : ประมาณครั้งนึง
ผ : แล้วเธอว่า แฟนเธอมันมีผู้หญิงคนอื่นด้วยมั้ย

ด : มีค่ะหมอ มันมีหลายคนเลย
ผ : แล้วเธอใช้ถุงยางบ้างไหมล่ะ

ด : ใช้บ้าง
คำว่าใช้บ้างของเธอนั้น ผมทราบมาว่าใช้ราว ๕๐% ของการมีเพศสัมพันธ์ แบบว่ามีกัน ๑๐ ครั้ง
ใช้ถุงยางสัก ๕ ครั้งนะครับไม่ใช่ใส่ถุงยางแค่ครึ่งเจี๊ยวหรือว่าใส่ๆถอดๆอะไรทำนองนั้น (ฮา…)

ผ : หมอเดาได้ไหม ว่าเธอทั้งคู่หลั่งข้างนอก
ด : ค่ะ หมอรู้ได้ไง

บร๊ะ! ผมอุทานในใจ นี่เธอกำลังคุยอยู่กับใครไม่รู้เหรอ

ผ : แล้วที่นอนกันทุกครั้งน่ะ เธอถึงจุดสุดยอดทางเพศไหม
ด : มันเป็นไงล่ะหมอ

ผ : เธอเคยเห็นผู้ชายมันหลั่งอสุจิไหม ไอ้ตอนนั้นแหละที่เรียกว่าถึงจุดสุดยอดทางเพศ มันเสียวซ่านไปหมดและรู้สึก
มีความสุขมากมายหลังจากนั้นส่วนเธอไม่มีอสุจิให้หลั่ง แต่เธอก็จะรู้สึกเสียวสุดยอดแล้วผ่อนคลายมากมายหลังจากนั้นเช่นเดียวกัน

ผมเว้นระยะไว้ครู่หนึ่ง แล้วถามออกไปว่า “เคยมั้ย”
เธอตอบว่า ไม่เคย
ผ : ถามจริงๆเหอะ ถ้าอย่างนั้นแล้ว แล้วเธอไปนอนกับมันทำไม เสียของเปล่าๆ
เธอไม่ตอบ
ถึงตรงนี้ผมก็พยายามนึกในใจ ว่าทำไมหนอคนบางคนจึงเป็นเช่นนี้ ยอมให้เขามามีเพศสัมพันธ์บนเรือนร่างตัวเอง
โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม ความสุขทางเพศหรือไอ้ความสุขชั่วเสี้ยวหนึ่งจากการมีเพศสัมพันธ์ที่เราติดและหลงใหลมันนักหนา
ที่เรียกว่า orgasm นั้นก็แทบไม่เคยรู้จักบางคนไม่เคยเจอหน้าเจ้าตัว orgasm นี้ด้วยซ้ำผ : เธอมีความสุขมากใช่ไหม เวลาที่นอนกับเขาน่ะ

เธอยิ้มแก้มแดงเรื่อ แววตาสุกสว่างมาแวบหนึ่ง และพยักหน้าแทนคำตอบ

ผมเชื่อ ว่าเธอคงรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

ผ : ไปเอาฉี่มาลูก เดี๋ยวหมอตรวจให้

ผมหันไปหาอาของเธอ ก็พอดีกับที่เธอคงอยากจะบอกอะไรกับผมบ้าง

เธอเล่าว่า หลานสาวคนนี้เป็นลูกของพี่ชายเธอเอง เป็นลูกคนโต และมีน้องอีก ๒ คน เธอคิดว่าที่หลานสาวเป็นเช่นนี้เพราะแม่ของเด็กเอง

ค (หมายถึง อาคนนั้น) : เด็กคนนี้ปู่กับย่าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กพ่อแม่ไม่ได้ดูแลหรอกหมอ เขารักแต่ลูกคนสุดท้อง
พอลูกเริ่มสาวก็ไปรับลูกมาอยู่บ้างเค้าจับลูกแต่หน้าทาปากตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู้จะให้แต่งตัวแบบนั้นไปทำไมนักหนา
ตอนนี้อยู่กับแม่เลยเสียเด็กเลย ลูกไม่เรียนหนังสือก็ไม่สนใจ ลูกไปนอนกับคนอื่นก็ไม่ร้อนใจเลยต้องไปรับกลับมา
หมอรู้มั้ยน้องชายของเด็กคนนี้ก็เกเร ตอนนี้ถูกดูแลอยู่ที่สถานพินิจพ่อแม่ไม่เห็นจะเดือดเนื้อร้อนใจเลย หนูล่ะอ่อนใจเหลือเกิน

ผลการตรวจฉี่ออกมาเป็นผลลบ
ผมรู้สึกสงสารอีเจ้าหนูคนนี้จับใจ ผมเชื่อว่าไอ้ที่สอนสั่งไปเมื่อครู่ทั้งเรื่องการท้อง เรื่องความเสี่ยงของการติดโรคจากจู๋แฟนเธอ
และจิ๋มของผู้หญิงที่แฟนเธอที่ไปหลับนอนมาด้วยกัน เธอคงไม่เข้าใจมากมายนัก แม้ว่าการตอบรับนั้นจะเป็นการพยักหน้าตอบเหมือนการเข้าใจก็ตามคนเราเลือกเกิดไม่ได้จริงๆ หลายคนโชคดีที่เกิดมาก็มีแต่คนรอบกายที่รักเธอ ในขณะที่บางคนแม้แต่พ่อแม่ที่แท้จริงยังไม่ได้ให้ความใส่ใจ

ผมเคยได้ไปร่วมประชุมมาจากที่หนึ่ง ท่านวิทยากรพูดว่า
“คนที่มีบุญระดับหนึ่งเท่านั้นที่จะเป็นหมอได้ เพราะหมอต้องมีบารมี มีสติปัญญาและหมอเองก็ควรใช้บุญอันดีที่ติดตัวมานี้ทำดีและช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป”
เลยรู้สึกได้ว่า เธอคนนี้ทำให้ผมระลึกได้ว่าผมเองนั้นมีบุญสักเพียงไหนแล้ว ทั้งมีพ่อแม่ที่รักเราสุดหัวใจ ทั้งให้สติปัญญาระดับหนึ่งติดตัวมา
ละส่งเสียเราเรียนจนจบมาเป็นหมอ และก็ได้มานั่งต่อหน้าเธอผู้นี้

ผ : วันนี้ฉีดยาคุมเลยนะ จะได้ไม่ท้อง แล้วเดือนหน้ามาบอกหมออีกทีว่าเธอจะฝังยาคุมไหม มันคุมได้ตั้ง ๕ ปี
เธอจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องว่าจะท้องหรือไม่ท้อง (อันที่จริง เธอไม่ได้กังวลเองหรอก อาและย่าเธอต่างหากที่กังวลเรื่องนี้)

อีหนูคนนี้คงต้องมาพบผมอีกหลายครั้งและแน่นอนว่าผมคงปลูกฝังเธอ
เรื่องโรคจากจู๋เป็นช่วงๆและถึงวันหนึ่งก็จะเริ่มตรวจมะเร็งปากมดลูกให้ นี่คือแผนในอนาคต
เฮ้อ…. อยากกลับบ้านไปกอดลูกตัวเองอย่างแรง หอมแก้มมันสักฟอดใหญ่(ซึ่งก็หอมมันได้ทั้งวันและทุกวันอยู่แล้ว)”ลูกจ๋า ลูกเกิดมาโชคดีมากเลยนะ แล้วอย่าลืมเผื่อแผ่ความโชคดีอันนี้ไปให้สังคมด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเสมอๆ ถ้ามีโอกาส”
ผมพูดแบบนี้กับลูกจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ซึ่งเธอก็พยักหน้าแทนคำตอบทุกครั้ง

เอ๊ะ….ธนพันธ์ ชูบุญ

๒๐ มกราคม ๒๕๕8