พี่ๆ คะหนูอยากเล่าเรื่องตัวเองเป็นกำลังใจให้คุณแม่วัยรุ่นที่กำลังท้อค่ะ หนูว่าเรื่องของหนูอาจทำให้คนที่กำลังรู้สึกแย่ดีขึ้นมาบ้างก็ได้นะ
ตอนที่หนูรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่ กำลังจะจบ ม. 6 หนูมีที่เรียนต่อแล้ว พ่อแม่ดีใจมากๆ แต่ว่ามาท้องเสียก่อน ตอนแรกไม่กล้าบอกพ่อแม่ คิดว่าจะทำแท้งโดยที่ไม่ให้ใครรู้แม้แต่แฟน หนูไปถึงคลินิกแห่งหนึ่ง ตอนที่รอคิวรับบริการ อยู่ๆ ก็คิดขึ้นมาในหัว จินตนาการต่างๆ นาๆ ทั้งการที่หนูกำลังจะจบชีวิตลูก ความเสียใจของลูกที่จะไม่ได้เกิด มันเป็นภาพที่น่ากลัวมากค่ะ
สุดท้ายก็เลยไม่ทำ….
ตัดสินใจบอกแฟน แฟนบอกว่า ให้บอกพ่อกับแม่ แล้วพวกเขาจะช่วยหาทางออก วินาทีแรกที่บอกมันเศร้ามาก หนูไม่ได้บอกด้วยคำพูดแต่หนูเอาที่ตรวจไปวางให้เขาเห็น ทุกคนร้องไห้….. แต่สุดท้ายพ่อกับแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรหลานคนเดียวเขาเลี้ยงได้ หนูดีใจมากๆ เลย หลังจากนั้นก็ให้แฟนมาตกลงกับพ่อแม่ค่ะ สรุปคือ เราจะไปอยู่ด้วยกันที่คอนโดของหนู แฟนจะต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมด รวมถึงค่าคลอดด้วย
พอจบ ม.6 เราก็อยู่ด้วยกันเลย หนูอยากแต่งงานมากๆ หนูรอเขาทุกวันเลย แต่ว่าแฟนไม่ได้บอกพ่อแม่ให้ทราบเลยค่ะ พ่อแม่ผู้ชายเพิ่งทราบเรื่องตอนที่หนูโทรไปแจ้งข่าวการคลอด เราอยู่ด้วยกันทะเลาะกันมาตลอดเลยค่ะ แต่หนูคิดว่าการทำหน้าที่แม่สำคัญมากกว่า ก็เลยไม่ค่อยใส่ใจ…
การเป็นแม่ มีหลายเรื่องที่ทำให้ท้อ อย่างตัวเราไม่มีหัวนม (หรือที่เรียกกันว่าหัวนมบอด) การให้นมจึงยากมาก แต่หนูอดทนจนสำเร็จค่ะ ตอนคลอดหนูผ่าตัดคลอด เจ็บแผลมาก อยากให้มีคนมาดูแล แต่แฟนตกงานพอดี หนูก็เลยต้องอดทนเพราะเขาก็ลำบากเหมือนกัน
แต่การเลี้ยงลูกโดยไม่มีคนช่วยลำบากมาก แฟนอยู่บ้านก็เอาแต่นอน จนบางทีหนูก็คิดว่าอยากฆ่ามันเลยด้วยซ้ำ เราทั้งเรียน เลี้ยงลูก ท้อมากๆ แฟนก็มาเป็นแบบนี้อีก…
ในที่สุดก็มาถึงวันที่เราเลิกกัน หนูกลับมาอยู่ที่บ้าน
สิ่งที่หนูคิดไว้แล้ว แต่พอเจอจริงๆ มันก็เสียใจ คือ โดนชาวบ้านประนาม บางคนกล้าเดินมาถามเลิกกับผัวรึยัง แล้วก็หัวเราะ …แต่ที่หนักสุดก็ญาติผู้ใหญ่ในบ้านนี่แหละ
“หกเดือนแล้วนมแม่ไม่มีประโยชน์”
“ปั๊มนมทำไมไร้สาระ ไปมหาลัยแอบปั๊มนมทิ้งไปเลยนะ ฉันอาย”
“เวลาลูกค้ามาถามบอกเป็นน้องนะ ขอมาเลี้ยง”
หนูรู้สึกเศร้ามาก แทบทนไม่ไหวเลย แต่เป็นแค่คนอาศัยยังไงก็ต้องอดทน เรื่องลูก สำหรับหนูลูกต้องเรียกหนูว่า ”แม่” ไม่ใช่ “พี่” หนูมีเพื่อนคนนึง ให้ลูกเรียกว่าพี่ ทุกวันนี้ลูกหนูดูไม่มีความสุข หนูก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้น อะไรที่ดีและชัดเจน ก็ควรทำ…
เรื่องนมแม่ นมแม่ประหยัดกว่ามีคุณค่าดีกว่า ไปมหาลัยปั๊มนมแล้วยังไง ไม่ปั๊มเขาจะกินอะไร
ความคิดแบบนี้มันทำให้สู้ขึ้นมา แล้วมันก็ได้ผลด้วย… ทุกวันนี้ก็ยังเจอปัญหาเดิมๆ แต่ต้องอดทนค่ะ
ตั้งใจว่าถ้าทำงานได้เมื่อไร จะเอาลูกออกจากบ้านเลย
อยากฝากถึงคนที่กำลังท้อค่ะ ว่า…เมื่อเราท้อแล้ว มันจะมีจุดๆ หนึ่งที่คิดได้โดยบังเอิญ ถ้ามันดี เราทำไปเลย เราสู้ไปเลย อยากให้สังคมยอมรับแม่วัยใสด้วยค่ะ การที่เวลาไปไหนแล้วคนมองแรง คนเป็นแม่วัยใสก็รู้สึกแย่ เมื่อคนเราทำผิดพลาดก็ควรให้โอกาสไม่ใช่ดูถูก บางคนถึงขั้นเรียกพวกเราเป็นขยะสังคมก็มี พวกเราแม่วัยใสเสียใจมาก
แม่วัยใสส่วนใหญ่ ไม่ใช่พวกอวดผัวอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะคะ หนูเข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันยังไม่ถึงเวลา แต่เราก็พลาดไปแล้ว หนูอยากบอกคนที่คิดไม่ดีกับเรา แต่เขาคงไม่เข้าใจ
เรื่องการพึ่งพ่อแม่ เข้าใจดีว่าบางคนก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่เดือดร้อน แต่ถึงเราไม่อยากให้พ่อแม่ช่วย พวกเขาจะช่วยเราเองค่ะ…
เล่าเรื่องโดย น้อง K (นามสมมติ)
เรียบเรียงโดย 123 (ขอขอบคุณน้อง K ไว้ ณ ที่นี้ สำหรับความปรารถนาดีที่ต้องการส่งต่อแก่เพื่อนทุกคน ผู้เรียบเรียงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องของน้องจะทำหน้าที่ส่งต่อความตั้งใจของน้องไปยังทุกๆ คน)
พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิของวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 10-19 ปี ดังต่อไปนี้
หนึ่ง มีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเอง (ว่าต้องการท้องต่อหรือยุติการตั้งครรภ์)
สอง มีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ (อย่างรอบด้าน)
สาม มีสิทธิได้รับบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ (ที่รักษาความลับและความเป็นส่วนตัว)
สี่ มีสิทธิได้รับสวัสดิการสังคม (อย่างเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ)
ห้า มีสิทธิอื่นๆ เพื่อประโยชน์ตาม พรบ.นี้ (อย่างครบถ้วน และเพียงพอ)