เลือดออกกลางรอบเดือนช่วงตกไข่(ovulation spotting)อันตรายหรือไม่ และควรทำอย่างไร

เลือดออกกลางรอบเดือนช่วงตกไข่(ovulation spotting)อันตรายหรือไม่ และควรทำอย่างไร

บางครั้งยังไม่ถึงวันมีประจำเดือนตามรอบเดือนของตน ผู้หญิงบางคนอาจพบว่ามีเลือดหรือของเหลวคล้ายเลือดออกมาจากช่องคลอด โดยมักพบประมาณกลางรอบเดือน เช่นบางคนมีรอบเดือนมาทุกๆ 28 วัน ก็อาจพบว่ามีเลือดออกประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน การมีเลือดออกในกลางรอบเดือนแบบนี้ทำให้ผู้หญิงหลายคนที่มีอาการรู้สึกกังวลใจว่าจะ เป็นอันตรายหรือไม่ และควรจะทำอย่างไร ทางเรามีคำตอบให้ในบทความนี้ค่ะ 

ก่อนอื่นเราจะมาสังเกตลักษณะของเลือดที่ออกกันก่อนว่าเลือดที่ ออกกลางรอบเดือนในช่วงตกไข่กับเลือดประจำเดือนมีลักษณะต่างกัน อย่างไร เพื่อแยกออกจากกันให้ได้ก่อน 

เลือดที่ออกในช่วงตกไข่จะมีสีที่จางกว่าเพราะสีของเลือดจะขึ้นอยู่กับความเร็วในการไหลของเลือดทำให้เลือดที่ออกช่วงตกไข่จะสีจางกว่าไม่เข้มเท่าเลือดประจำเดือน โดยอาจเป็นสีชมพูอ่อน สีแดง หรือน้ำตาลก็ได้ และมีช่วงของการมีเลือดออกเพียง 1 – 2 วัน ถ้าสีชมพูแสดงว่าเลือดมีการ ผสมกับของเหลวในปากมดลูก(cervical fluid) ซึ่งจะมีลักษณะลื่นมือ เบาใส ยืดตัวได้มาก ผู้หญิงมักจะผลิตของเหลวนี้มากขึ้นในปากมดลูกในช่วงตกไข่ 

แต่ถ้าเป็นเลือดจากประจำเดือน จะมีระยะเวลาที่มีเลือดออก 3 – 7 วัน หรือโดยเฉลี่ยคือห้าวัน และจะออกมากพอจนต้องใช้ผ้า อนามัย ประจำเดือนทำให้ผู้หญิงเสียเลือดทั้งหมดประมาณ 30 – 80 มล. โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นทุกๆ 21 – 35 วัน 

ต่อมาเมื่อเราแยกได้แล้วว่าเลือดที่ออกคือ เลือดที่ออกในช่วงตกไข่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน เราจะมาดูกันว่าการมีเลือดออกช่วงตกไข่เป็นอันตรายหรือไม่ 

คำถามนี้ทำให้เราต้องมาทำความเข้าใจธรรมชาติของผู้หญิงในการตกไข่ (ovulation) โดยการตกไข่คือการที่ผิวของรังไข่แตกออกและ มีไข่ที่สุกแล้วตกออกมาในช่องเชิงกราน หลอดมดลูกส่วนปลาย (fimbriae) จะพัดโบกไข่ที่ตกออกมาให้กลับเข้าไปในมดลูกเพื่อเตรียมการปฏิสนธิต่อไป การที่ผิวของรังไข่แตกออกอาจทำให้บางคนมีอาการปวดท้องน้อย และอาจมีเลือดออกมาได้เล็กน้อย 2 – 3 หยดได้ 

ดังนั้นการมีเลือดออกในช่วงตกไข่จึงสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติในกลางรอบเดือนของผู้หญิงบางคน ผู้หญิงบางคนอาจจะไม่มีเบือดออกในช่วงตกไข่ก็ได้ ถือเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ การที่มีเลือดออกช่วงตกไข่ยังสามารถเกิดได้จากการแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเกิดจากการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) มีระดับต่ำลงกว่าปกติ ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่กำลังหนาตัวเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนมีการหลุดลอกออกมา กลายเป็นเลือดออกมาที่ช่องคลอด การแปรปรวนของฮอร์โมนนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด 

หากมีเลือดออกช่วงตกไข่เพียงเล็กน้อยและมี ลักษณะเหมือนเลือดจากการตกไข่ ก็สามารถวางใจได้ เพราะเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าหากมีเลือดที่มี ลักษณะต่างจากที่อธิบายไปข้างต้น หรือมีเลือดออกมามาก อาจแสดงว่าเป็น เลือดออกจากสาเหตุอื่น หากเป็นเช่นนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป

SCORA x Lovecarestation

แหล่งอ้างอิง

1.สุทธิ์ บุญเกษมสันติ. (2533).  สรีรวิทยาของการมีระดู. ใน สุขิต เผ่าสวัสดิ์, ศุภวัฒน์ ชุติวงศ์, ดำรง เหรียญประยูร และสุทัศน์ กลกิจโกวินท์, นรีเวชวิทยา (น.17,20).  กรุงเทพฯ: ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

2.ไพโรจน์ วิทูรพณิชย์. (2533).  เลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก(Dysfunctional Uterine Bleeding-DUB). ใน สุขิต เผ่าสวัสดิ์, ศุภวัฒน์ ชุติวงศ์, ดำรง เหรียญประยูร และสุทัศน์ กลกิจโกวินท์, นรีเวชวิทยา (น.48,54).  กรุงเทพฯ: ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

3.Holly,E. (2018).  What Is Ovulation Bleeding?.  Healthline Parentalhood. Retrieved 19 December 2020,  from https://www.healthline.com/health/pregnancy/ovulation-bleeding#Ovulation-and-spotting