ท้องไม่พร้อม ไม่มีพรมแดนทางศาสนาจริงๆหรือใครจะเถียงฉัน
และยังรู้อีกว่าคนไข้คนนั้นของเขาต้องเดินเข้าสู่ความเสี่ยงของ unsafe abortion ทันทีหมอไม่ยอมทำแท้งให้เพราะมันขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของตนเอง(หรือคิดว่าตนเองกำลังทำดีไม่ผิดศีล)มุมมองทางการแพทย์กับมุมมองทางศาสนาที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกัน มันทำให้คนเสียโอกาส
ที่จะรับบริการทางสุขภาพไปและเราพอใจที่จะมานั่งรักษาโรคที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการทำแท้งฃ
เช่นมดลูกเน่าไตวายหรือรุนแรงจนถึงตายเราก็จะมองว่า นั่นเป็นกรรมของเขาที่ทำแท้งมาไม่ใช่ความผิดของเรา
เราไม่บาปเราไม่มีส่วนร่วมในบาปหรือความตายของเขา เราเลือกที่จะไม่มองว่า เราเองเป็นอุปสรรคที่แท้จริง
ของการเข้าถึงบริการทำแท้งที่ปลอดภัย๒ปีก่อน เราพบคนที่ไปทำแท้งมาเกิดภาวะติดเชื้อจนตัวเน่าฉันไม่ได้พูดเกินเลยจากความจริงไปเลย เขาตัวเน่าจริงๆ
และก็ตายไปต่อหน้าต่อตาลูกตัวเล็กคนหนึ่งที่มีอายุราวขวบเศษสามี และพ่อแม่ท่ามกลางความเศร้าโศกของครอบครัว
เราเคยย้อนถามตัวเองกันไหม ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในการตายครั้งนั้นด้วยหรือไม่
(จริงอยู่เราไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ)คนไข้คนนี้ถูก conscientious objection
ทำให้เธอต้องไปทำแท้งโดยวิธีที่primitiveที่สุดนั่นคือการสอดไม้ทิ่มเข้าไปในโพรงมดลูกโดยหมอเถื่อน
มีลูกศิษย์คนหนึ่งกระซิบบอกฉันว่า”ถ้าเขามาทำแท้งที่เราเขาคงไม่ตายนะอาจารย์”
“ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง”
เป็นประโยคที่หมอทุกคนถูกบ่มเพาะมาด้วยกันแต่การปฏิเสธโดยมโนธรรมมันช่างขัดแย้งกับปณิธานอันนี้เสียเหลือเกิน
ราว๒เดือนที่ผ่านมาเพื่อนมนุษย์ต่างศาสนามาพบขอรับบริการทำแท้งหลายคนด้วยเหตุผลไม่ค่อยแตกต่างกัน นั่นคือท้องไม่พร้อม ยากจน ลูกมากจนเลี้ยงไม่ไหวไม่ค่อยพ้้น ๓ เรื่องนี้ (เอาเหอะ จะมีบ้างก็ท้องก่อนแต่ง หรือไม่ก็เป็นเมียน้อยเขา)ฉันก็เคยถามไปว่า “ไม่บาปเหรอ” เขาก็ตอบว่า ลูกอดตายสำคัญกว่า ลูกต้องเรียนหนังสือสำคัญกว่ามาถึงตรงนี้ฉันก็คงคิดถึงครูคนเดิมท่านบอกว่าคนที่มาขอทำแท้ง เขากำลังแสดงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อลูกของเธอเองที่จะต้องเกิดออกมาด้วยความไม่พร้อม (“ด้วยการทำแท้งเนี่ยนะ!” ฉันเชื่อว่ากำลังมีคนคิดแย้งฉันด้วยประโยคเช่นนี้อยู่) มันเป็นความรับผิดชอบของคนเป็นแม่ หรือกำลังจะเป็นแม่คนนั่นเอง คำตอบของเพื่อนต่างศาสนาแต่เป็นเพื่อนร่วมชาติของฉันกำลังอธิบายคำสอนของครูได้เป็นอย่างดี
๑๒ กพ ๕๗