ใช้ชีวิตอย่างไรให้ Growth Mindset
หลายคนคงได้ยินคำว่า Growth Mindset ว่ามีความสำคัญกับการใช้ชีวิต โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ต้องปรับตัวตลอดเวลา ซึ่ง Growth Mindset เป็นมุมมองที่พูดถึงความคิด ความรู้สึก แรงจูงใจ และการลงมือทำอย่างยืดหยุ่น จัดการอารมณ์ได้ มีเป้าหมาย และมุ่งการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ย้อนกลับไปในปี 1985 หลังจากที่ Deci ได้ร่วมงานกับ Richard Ryan ออกหนังสือชื่อว่า “Self-Determination and Intrinsic Motivation in Human Behavior” ซึ่งอธิบายทฤษฎีแรงจูงใจที่เสนอว่า คนมักถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกอยากเติบโตและสมหวัง ซึ่งสอดคล้องกับสังคมของ Gen Y ที่มุ่งเน้นการเติบโตไปพร้อมกับเสรีภาพในการเติบโต โดยทฤษฎีนี้จะประกอบไปด้วย 3 สมมติฐานได้แก่
- ความต้องการเจริญเติบโตส่งผลให้เกิดพฤติกรรม (Competence) คนสนใจเรื่องความก้าวหน้า ต้องการเอาชนะความท้าทาย และต้องการเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาตัวตนของตัวเอง (sense of self) และความสำเร็จ
- แรงจูงใจอิสระ (Autonomous motivation) ในขณะที่คนมักมีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ เพราะได้รับตัวกระตุ้นภายนอก หรือ ของรางวัลนอกกาย เช่น เงิน ถ้วยรางวัล หรือ คำชื่นชม ทฤษฎีนี้จะสนใจที่แรงกระตุ้นภายใน เช่น ความต้องการเรียนรู้ หรือ ความต้องการมีอิสระ พูดง่ายๆ คือ หากคนรู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมการกระทำของตัวเองได้ พวกเขาจะมี Self-determination มากขึ้น
- ความสัมพันธ์ (Relationship) โดยคนที่มีความต้องการเติบโตแบบไหน มักต้องการนำพาตนเองไปสัมพันธ์กับบุคคลประเภทนั้นจะทำให้เกิดแรงจูงใจภายใน และสนุกกับความท้าทายที่เกิดขึ้นกับอุปสรรคประจำวัน
ซึ่งหลักการนี้พูดถึงการที่มนุษย์จะมีแรงจูงใจภายในต่อตนเองโดยปราศจากอุปสรรคจากภายนอก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัจจัยภายนอกที่บีบรัดอาจสร้างความทุกข์ท้อใจ จนทำให้แรงจูงใจเดิมๆ ที่เคยมีกลับเหือดหาย ทำให้มนุษย์กลายเป็นคนที่ยอมจำนนต่อปัญหาและไม่พร้อมต่อการปรับตัวและเปลี่ยนแปลง (Fix Mindset)
ใช้ชีวิตอย่างไรให้ Growth Mindset
เชื่อว่าเราสามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ – เวลาเจอกับปัญหาหรืออุปสรรค คนที่มีความเชื่อว่าตนเองควบคุมชีวิตของตนเองได้ จะไม่โทษอย่างอื่นว่าเป็นต้นเหตุ แต่จะพยายามคิดหาวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนั้นไปได้ เพราะพวกเขาเชื่อว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ และการกระทำของพวกเขาจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปได้ พวกเขาจึงมีความอดทนต่อความยากลำบากสูง และไม่ย่อท้อง่าย
สร้างแรงจูงใจภายใน – มองหาคุณค่าที่เราจะได้รับจากการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเข้าสังคม หรือ การทำงาน เพราะถ้าเราเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองทำ เราจะมีแรงจูงใจในการทำเองโดยไม่ต้องถูกกระตุ้นด้วยเงินหรือรางวัล และแรงจูงใจนี้จะอยู่กับเราไปนานด้วย
ตั้งเป้าหมายในการทำสิ่งต่าง ๆ – เราควรฝึกตั้งเป้าหมายที่วัดได้ให้เป็นนิสัย เพราะเป้าหมายจะช่วยให้การกระทำของเรามีความหมาย และเกิดแรงจูงใจในการทำไปยาวนาน ในทางกลับกัน ถ้าเราทำอะไรโดยไร้เป้าหมายที่วัดได้ เราอาจรู้สึกสับสนเหมือนไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม และเกิดอาการ Burn Out ได้
รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ – เราควรรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ว่าการกระทำของเราจะส่งผลดี หรือ ผลลบก็ตาม เพราะการยอมรับในผลดีจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำมันต่อไป ในขณะที่การยอมรับในผลลบจะช่วยให้เรามองเห็นข้อผิดพลาด และอยากปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
สร้างความชำนาญให้กับตัวเอง – เราควรรู้ว่าทักษะใดที่จำเป็นต่อชีวิตเราบ้าง และพัฒนาทักษะเหล่านั้นจนเชี่ยวชาญ เช่น ถ้าเราสนใจเรื่องการทำอาหาร เราก็ควรศึกษามันอย่างจริงจัง เช่น หาหนังสือมาอ่าน เข้าคอร์สเรียน หรือ ฝึกทำอาหารบ่อยๆ เป็นต้น การทุ่มเทให้กับทักษะใดทักษะหนึ่ง จะช่วยให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ
ความคิดยืดหยุ่น – ช่วยให้เราสามารถปรับตัวกับเป้าหมาย และปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากเรามีความคิดที่ขาดความยืดหยุ่น มากไปทางใดทางหนึ่ง ทั้งเชื่อว่าตนเองไม่สามารถพัฒนาได้ ก็อาจส่งผลให้ขาดกำลังใจในการเปลี่ยนแปลง แต่ขณะเดียวกัน หากมุ่งมั่นต่อการพัฒนาตนเองมากเกินไปอาจทำให้เกิดความเครียดและแรงกดดันระดับสูงส่งผลต่อสุขภาพใจในระยาว
ทักษะในการจัดการอารมณ์ – ในการเติบโตย่อมส่งผลให้เรารู้สึกไม่ดี ทั้งผิดหวัง เศร้า กลัว การพยายามมากเกินไปในการไปสู่ความสำเร็จโดยขาดทักษะในการจัดการอารมณ์ อาจเป็นอันตรายต่อการสะสมความคิดลบต่อตนเอง เพราะในขณะที่เรากำลังรู้สึกไม่ดีจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำสิ่งต่างๆ ลดลง และยังเสี่ยงต่อการกล่าวโทษตนเอง การให้เวลากับการจัดการอารมณ์ให้สงบก่อนจะช่วยฟื้นฟูความสามารถเดิมกลับมา เพื่อพัฒนาตนเองตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความสัมพันธ์ตามความสนใจ – คนรอบตัวมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนแรงกายและแรงใจในการไปสู่เป้าหมายที่สำเร็จ ต้นแบบและการสนับสนุนทางจิตใจ คือสิ่งที่ไม่สามารถหาได้จากตำราและการฝึกฝนตนเองเพียงลำพัง แต่สิ่งล้ำค่านี้ซ่อนอยู่ในสังคมที่มีความสนใจเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นสังคมบนโลกจริงหรือโลกออนไลน์ อาทิ กลุ่ม discord นักเขียนนิยาย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในโลกความเป็นจริง เราไม่ได้รับอิทธิพลแค่จากแรงจูงใจภายในเท่านั้น แต่แรงจูงใจภายนอกก็มีผลต่อเราเหมือนกัน การค่อยๆ ตั้งเป้าหมายตามระยะตามความเป็นจริง ทั้งเป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยาวยาว จะช่วยให้เรามีโอกาสทั้งการพัฒนาตนเองและชื่นชมตนเองไปพร้อมๆ กัน
นรพันธ์ ทองเชื่อม : นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต เลิฟแคร์สเตชั่น