ตอนที่ 1 ลุงหมอได้เล่าแบบอย่างความคิดและการปฏิบัติของการคุมกำเนิดที่ผิดพลาด ทำให้เกิดการตั้งท้องที่ไม่พร้อมขึ้น ขอเล่าต่อครับ
12.”หลั่งภายนอก ไม่เชื่อว่าท้องได้” ผู้หญิงอายุ 37 ปีมีลูกแล้ว 2 คน เลิกกับสามีมามีแฟนคนใหม่ เธอไม่กล้าไปซื้อถุงยาง โดยอ้างว่าที่ 7 – 11 และร้านขายยามีคนเยอะ จึงใช้การหลั่งภายนอก พอเธอบอกว่าท้อง แฟนถามว่า “ทำไมถึงมีลูกได้ เขาไม่เชื่อ”
13.”ร่วมเพศ 2 วัน แต่กินยาคุมฉุกเฉิน 1 ชุด” หญิงวัย 37 ปี มีลูก 3 คน คนเล็กอายุ 1 ปี แฟนทำงานต่างถิ่นกลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง สวมใส่ถุงยางป้องกันท้องเวลามีเพศสัมพันธ์ แต่ครั้งล่าสุดถุงยางหมด จึงมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ครั้งแรกที่มีอะไรกัน ในตอนเย็นวันต่อมาได้กินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดแรก แล้วตอนกลางคืนก็มีเพศสัมพันธ์กันอีก พอมาช่วงตี 5 ก็กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ผลคือท้อง
14.”ลืมกินยาคุม 3 วัน และกินรวบ 3 เม็ดที่ลืม” หญิงวัย 44 ปี มีลูก 2 คน เธอเคยคลอดลูกตัวโตน้ำหนัก 4.2 และ 3.9 กิโลกรัม แพทย์บอกว่าเธอเสี่ยงโรคเบาหวานต้องตรวจเลือดคัดกรองโรคเบาหวานประจำ หลังคลอดเคยฉีดยาคุม 3 เดือนก็แพ้ เป็นผื่นเต็มหน้าเหมือนสิว จึงกินยาเม็ดคุมกำเนิดมาร่วม 10 ปีเป็นชนิดฮอร์โมนต่ำ ดีที่น้ำหนักไม่เพิ่ม ความดันปกติ เบาหวานก็ไม่กระทบ ช่วงหลังเธอลืมกินยาบ่อย เดือนตุลาคมลืมกินยาคุมเม็ดที่ 10, 11, 12 แล้วแฟนก็มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยาง เธอนึกขึ้นได้วันที่จะต้องกินยาเม็ดที่ 13 จึงกินเม็ดที่ลืม 3 เม็ดรวบทีเดียวตอนเย็น แล้วกินเม็ดที่ 13 ก่อนนอน เดือนพฤศจิกายนเมนส์ไม่มา ตรวจพบท้องได้ 5 สัปดาห์
หลากหลายวิธีคุมกำเนิดที่ลุงหมอเล่ามา ลุงหมอขอให้ “พลิกวิธีคิด” ใหม่ คือ 1.”ไม่คุมไม่คุ้มนะ” โดยใน 1 ปี จะเสี่ยงท้อง 85% หรือท้อง 6 ใน 7 ราย แม้ว่านานๆ จะร่วมเพศก็ต้องคุม 2.”สวมถุงยางอนามัยให้ถูกต้องทุกครั้ง” ไม่งั้นท้องได้ 14% หรือ 1 ใน 6 รายใน 1 ปี เพราะใส่ผิดวิธี ใส่ช้าไป เลื่อนหลุด แตก รั่ว ดังนั้นต้องใส่ให้ถูก ขนาดถุงยางพอเหมาะไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ใช้ไม่นานเกิน 30 นาที ไม่รุนแรง ถ้าเจ็บก็ใช้สารหล่อลื่นเพิ่ม เช่น เควายเจลลี่, กลีเซอรีน ซึ่งมีซิลิโคนเป็นตัวทำละลาย
3.”สวมถุงยางอนามัยจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” และป้องกันเชื้อ HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ 4.”กินยาคุมฉุกเฉินเฉพาะคราวจำเป็นและเร็วที่สุด” เพราะเทียบไม่ได้กับวิธีอื่นที่ดีกว่า แม้ว่าใช้ได้ 5 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน หรือการผิดพลาดของวิธีคุมอื่นๆ แต่จะป้องกันท้องไม่ได้ถ้ามีการตกไข่ไปแล้ว ดังนั้นยาจะป้องกันท้องได้แตกต่างกันตั้งแต่ 52 – 94% จึงไม่ควรใช้บ่อย ทั้งนี้การกินยายิ่งเร็วยิ่งป้องกันได้ผลกว่าภายใน 72 ชั่วโมงหลังร่วมเพศ และควรกิน 2 เม็ดครั้งเดียวดีกว่ารอห่างกัน 12 ชั่วโมงระหว่าง 1 เม็ด
5.”กินยาคุมฉุกเฉินควรระวังท้อง ต้องรอเมนส์มา” กรณีนี้จะมีความเสี่ยงสูงต่อการท้อง คือ หากไม่ได้คุมกำเนิดเลย ถูกข่มขืน ถุงยางแตก หลุด ไม่ได้กินยาคุมมา 2 เม็ดหรือมากกว่านั้น ฉีดยาคุมชนิด 3 เดือน ช้าไปเกิน 4 สัปดาห์ ฉีดยาคุมชนิด 1 เดือนช้าไปเกิน 7 วัน และหลั่งภายนอกล้มเหลว โดยจะแน่ใจได้ว่าไม่ท้องเมื่อมีเมนส์มาแล้ว และแม้ว่าท้องก็จะไม่มีผลให้ลูกพิการ
6.”กินยาคุมฉุกเฉิน 1 ชุด (2เม็ด) มีผลภายหลังเฉพาะเพศสัมพันธ์ครั้งนั้น” ถ้ามีเพศสัมพันธ์อีกครั้งควรกินชุดใหม่ 7.”กินยาคุมกำเนิดได้มีความปลอดภัยสูง” ยาคุมแบบรายเดือนใช้หลายปีได้อย่างปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องหยุดพักเป็นช่วงๆ ซึ่งยาจะป้องกันไม่ให้ท้องได้ เฉพาะเมื่อกินยาคุมอย่างสม่ำเสมอ และจะไม่ป้องกันหลังจากหยุดกินแล้ว หลังหยุดกินยาก็จะท้องได้อย่างรวดเร็ว ประจำเดือนก็จะมาปกติ โดยยาไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือทารกในครรภ์พิการ ยาคุมกำเนิดนี้สามารถใช้ได้กับผู้หญิงทุกวัย ไม่ต้องกลัวการเกิดมะเร็งเต้านม และผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่มีน้ำหนักเพิ่มหรือลดจากการกินยา ส่วนโอกาสท้อง มี 6 – 8 ต่อผู้หญิง 100 คนใน 1 ปี หรือ 1 ใน 17 คน แต่ถ้าใช้ถูกต้อง จะท้อง 1 ใน 1,000 คนใน 1 ปี
8.”เมื่อลืมกินยาคุม ต้องรู้ว่าจะกินถูก” คือ หากลืมกินยา 1 เม็ด ให้กินยาที่ลืมทันที และกินเม็ดที่เหลือตามปกติ หากลืม 2 เม็ดหรือมากกว่าใน 14 เม็ดแรก ให้กินเม็ดล่าสุดที่ลืมทันที และกินเม็ดที่เหลือตามปกติ รวมถึงให้ใช้ถุงยางร่วมด้วยอีก 7 วัน หากลืมกิน 2 เม็ดหรือมากกว่าตั้งแต่เม็ดที่ 15 – 21 ให้กิน 1เม็ดทันที และกินยาที่เหลือทุกวันจนถึงเม็ดที่ 21 และใช้ถุงยาง 7 วัน แล้วกินต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลย โดยทิ้งยา 7 เม็ดสุดท้ายที่เป็นน้ำตาลไป (กรณียาคุมแบบ 28 เม็ด)
9.”การหลั่งภายนอกควรเป็นวิธีสุดท้าย” ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพราะมีอสุจิออกมาเป็นล้านๆ ตัวกับน้ำหล่อลื่นขณะร่วมเพศ การควบคุมตนเองด้วยการถอนอวัยวะเพศก่อนถึงจุดหลั่งอสุจิ หรือการรู้ตัวว่าจะหลั่งอสุจิจังหวะใดนั้นทำไม่ได้ ก็จะมีโอกาสท้องมากถึง 22 – 27% ซึ่งผู้หญิงต้องรู้ว่าเสี่ยงสุดๆ เลย ดังนั้นอย่าให้เขาสะดวกและง่ายสบาย แต่ผู้หญิงจะท้อง จึงไม่ควรเชื่อใจ และตัวเลขท้องอาจสูงมาก ถ้าผู้ชายมีอาการหลั่งเร็ว ประสบการณ์น้อย ถ้าจะตามใจแฟน ผู้หญิงต้องกินหรือฉีดหรือฝังยาคุม ซึ่งจะมีโอกาสท้องน้อยมากๆ คือ 0.1 – 0.3%
10.”หลั่งนอกแล้วหลั่งในตามด้วยยาคุมฉุกเฉิน” แบบนี้เสี่ยงมาก อย่าดีกว่า เพราะลุงหมอว่าเราควรเลือกวิธีที่ดีกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาอนาคตมาเสี่ยง และ 11.”งดเพศสัมพันธ์ ปลอดภัยที่สุด” เพื่อวัยรุ่นจะไม่เป็นพ่อแม่เร็วเกินไป
มีคนพูดว่า “เหตุผลเดียวที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ไม่ตั้งใจไม่ใช่การไร้ประสิทธิภาพของวิธีคุมกำเนิด แต่เกิดจากชายหญิงคู่นั้นไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ เลย”
ลุงหมอเรืองกิตติ์