สวัสดีครับ
ผมเกิดและเติบโตมาจากครอบครัวที่โคตรไร้ความอบอุ่น พื้นฐานความรักจากสถาบันครอบครัวจากที่ร่ำเรียนกันมาผมไม่เคยได้รับมันเลยสักนิด
จนทุกวันนี้ ยังต้องมานั่งดูละครชีวิตของคนสองคน ทุกวัน ทุกเวลา!!! จนทุกวันนี้ไม่อยากทำอะไรสักอย่าง ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากแม้กระทั่งยอมใส่เสื้อผ้าซ้ำๆกันทุกวัน ไม่อยากซัก
นอนก้อมีแต่ความหวาดระแวง ตื่นมาเจอหน้าก้อเบื่อทั้งสองคน จนมาทุกวันนี้คนหนึ่งป่วยเป็นโรคร้าย (แต่ไม่ได้ติดเตียงหรือนั่งรถเข็น) การงานที่เราต้องทำ ก็ไปไม่ค่อยได้เพราะต้องพาไป
หาหมอ เพราะไปกันสองคนไม่ได้ จนท้อแท้และเหนื่อยมาก คนไข้เองก้อใช่ว่าจะอารมณ์ปกติ โมโหร้ายตลอด พี่น้องก้อไม่ค่อยจะช่วย
จนทุกวันนี้ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว ไม่อยากเห็นหน้าใครสักคน ยินดีคุยกะกำแพง กะต้นไม้ได้ ไม่ต้องมีใครก็ได้ ผมเคยไปทำแบบโรคซึมเศร้ามา ผลคือผมเป็นโรคซึมเศร้า แต่
พอเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกแค่เก็บกด เพราะถ้าผมได้ออกจากที่นี่เมื่อไร ผมจะดีใจมาก แม้แค่ว่าได้เดินไปเซเว่นหน้าปากซอยก้อตาม ผมเหมือนได้หลุดจากนรกที่นี่
ผมไม่กล้าไปหาหมอ กลัวบริษัทจะรุ้ เพราะงานที่ผมทำเปนวิชาชีพพิเศษที่ห้ามคนมีอาการป่วยทางจิตทำ แต่ทุกวันนี้ผมเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งว่า ไม่อยากตื่นมาอีกเลย (ไม่ได้คิด
ฆ่าตัวตายนะครับ) แค่อยากให้มันหลับไปๆเลย ไม่ทรมานอีก ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
ผมควรทำยังไงดีครับ ไปหาหมอก้อไม่กล้า (ไม่มีเวลาด้วยครับ) วันๆ ต้องดูคนป่วยโรคร้าย ผมไปไหนนานไม่ได้
ไม่หาหมอ ผมก้อกลัวจะกลายเป็นบ้า หันทางธรรมะก้อแล้ว ช่วยได้บ้างแต่ไม่ดีขึ้นเท่าไร เพราะปล่อยวางไม่ได้สักที
อยากจะปล่อยวางนะครับ อยากปล่อยมันทุกคนไปเลย
พอมียาแนะนำไหมครับ
ขอบคุณครับ
ไม่มียาแนะนำค่ะ แต่สิ่งที่คุณควรทำคือไปหาหมอ ถ้าไม่หาหมอภาวะเครียด/ซึมเศร้าจะไม่ดีขึ้น การไปพบแพทย์อย่างน้อยคุณยังได้เล่าสถานการณ์ของคุณให้หมอให้นักจิตวิทยาฟัง มีคนฟังคุณแบบเต็มใจ หากจำเป็นต้องใช้ยา ยาจะช่วยให้เคมีในสมองคุณที่วุ่นวายมันสงบลงได้ และคุณก็จะมีสติและคิดใคร่ครวญปัญหา หาทางแก้ได้ดีขึ้น
อย่าบอกว่าไม่มีเวลา เรื่องสำคัญขนาดนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆก็ค่อยๆแก้ไขกันไป ต้องเข้าใจด้วยว่าคนที่ป่วยโดยเฉพาะโรคร้ายก็จะมีความเครียดอยู่แล้ว ถ้าคุณเข้าใจเขาก็จะไม่ถือสาและพร้อมให้กำลังใจ ผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดเตียงควรจะได้รับการสนับสนุนให้เขาช่วยตัวเอง พยายามเชียร์ให้ทำกิจวัตรด้วยตนเอง หากยังทำงานได้ก็ควรทำ อย่าให้อยู่เฉยๆไปวันๆ เวลาไปรพ.ก็สอนคนที่ไปด้วยดำเนินการ เมื่อเขาคุ้นเคยกับระบบแล้ว เรื่องในรพ.ไม่ยากเลย แล้วคุณจะได้ไม่ต้องลางานทุกครั้งที่ผู้ป่วยต้องไปรพ.
เรื่องที่คุณกลัวว่าที่ทำงานจะรู้ว่าคุณไปตรวจทางจิตเวช สบายใจได้ ถ้าคุณไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอก
ทุกข์หรือสุขอยู่ที่คุณเลือกมอง ในทางธรรมหากคุณสามารถมองทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตอย่างรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง คุณจะทุกข์น้อยลง
สวัสดีครับ
ผมเกิดและเติบโตมาจากครอบครัวที่โคตรไร้ความอบอุ่น พื้นฐานความรักจากสถาบันครอบครัวจากที่ร่ำเรียนกันมาผมไม่เคยได้รับมันเลยสักนิด
จนทุกวันนี้ ยังต้องมานั่งดูละครชีวิตของคนสองคน ทุกวัน ทุกเวลา!!! จนทุกวันนี้ไม่อยากทำอะไรสักอย่าง ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากแม้กระทั่งยอมใส่เสื้อผ้าซ้ำๆกันทุกวัน ไม่อยากซัก
นอนก้อมีแต่ความหวาดระแวง ตื่นมาเจอหน้าก้อเบื่อทั้งสองคน จนมาทุกวันนี้คนหนึ่งป่วยเป็นโรคร้าย (แต่ไม่ได้ติดเตียงหรือนั่งรถเข็น) การงานที่เราต้องทำ ก็ไปไม่ค่อยได้เพราะต้องพาไป
หาหมอ เพราะไปกันสองคนไม่ได้ จนท้อแท้และเหนื่อยมาก คนไข้เองก้อใช่ว่าจะอารมณ์ปกติ โมโหร้ายตลอด พี่น้องก้อไม่ค่อยจะช่วย
จนทุกวันนี้ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว ไม่อยากเห็นหน้าใครสักคน ยินดีคุยกะกำแพง กะต้นไม้ได้ ไม่ต้องมีใครก็ได้ ผมเคยไปทำแบบโรคซึมเศร้ามา ผลคือผมเป็นโรคซึมเศร้า แต่
พอเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกแค่เก็บกด เพราะถ้าผมได้ออกจากที่นี่เมื่อไร ผมจะดีใจมาก แม้แค่ว่าได้เดินไปเซเว่นหน้าปากซอยก้อตาม ผมเหมือนได้หลุดจากนรกที่นี่
ผมไม่กล้าไปหาหมอ กลัวบริษัทจะรุ้ เพราะงานที่ผมทำเปนวิชาชีพพิเศษที่ห้ามคนมีอาการป่วยทางจิตทำ แต่ทุกวันนี้ผมเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งว่า ไม่อยากตื่นมาอีกเลย (ไม่ได้คิด
ฆ่าตัวตายนะครับ) แค่อยากให้มันหลับไปๆเลย ไม่ทรมานอีก ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก
ผมควรทำยังไงดีครับ ไปหาหมอก้อไม่กล้า (ไม่มีเวลาด้วยครับ) วันๆ ต้องดูคนป่วยโรคร้าย ผมไปไหนนานไม่ได้
ไม่หาหมอ ผมก้อกลัวจะกลายเป็นบ้า หันทางธรรมะก้อแล้ว ช่วยได้บ้างแต่ไม่ดีขึ้นเท่าไร เพราะปล่อยวางไม่ได้สักที
อยากจะปล่อยวางนะครับ อยากปล่อยมันทุกคนไปเลย
พอมียาแนะนำไหมครับ
ขอบคุณครับ
ไม่มียาแนะนำค่ะ แต่สิ่งที่คุณควรทำคือไปหาหมอ ถ้าไม่หาหมอภาวะเครียด/ซึมเศร้าจะไม่ดีขึ้น การไปพบแพทย์อย่างน้อยคุณยังได้เล่าสถานการณ์ของคุณให้หมอให้นักจิตวิทยาฟัง มีคนฟังคุณแบบเต็มใจ หากจำเป็นต้องใช้ยา ยาจะช่วยให้เคมีในสมองคุณที่วุ่นวายมันสงบลงได้ และคุณก็จะมีสติและคิดใคร่ครวญปัญหา หาทางแก้ได้ดีขึ้น
อย่าบอกว่าไม่มีเวลา เรื่องสำคัญขนาดนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆก็ค่อยๆแก้ไขกันไป ต้องเข้าใจด้วยว่าคนที่ป่วยโดยเฉพาะโรคร้ายก็จะมีความเครียดอยู่แล้ว ถ้าคุณเข้าใจเขาก็จะไม่ถือสาและพร้อมให้กำลังใจ ผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดเตียงควรจะได้รับการสนับสนุนให้เขาช่วยตัวเอง พยายามเชียร์ให้ทำกิจวัตรด้วยตนเอง หากยังทำงานได้ก็ควรทำ อย่าให้อยู่เฉยๆไปวันๆ เวลาไปรพ.ก็สอนคนที่ไปด้วยดำเนินการ เมื่อเขาคุ้นเคยกับระบบแล้ว เรื่องในรพ.ไม่ยากเลย แล้วคุณจะได้ไม่ต้องลางานทุกครั้งที่ผู้ป่วยต้องไปรพ.
เรื่องที่คุณกลัวว่าที่ทำงานจะรู้ว่าคุณไปตรวจทางจิตเวช สบายใจได้ ถ้าคุณไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอก
ทุกข์หรือสุขอยู่ที่คุณเลือกมอง ในทางธรรมหากคุณสามารถมองทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตอย่างรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง คุณจะทุกข์น้อยลง