Consent หรือ ความยินยอม ถูกจำกัดนิยามโดย Sexual Assault Prevention and Awareness Center แห่ง University of Michigan ว่าคือ “การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งตกลง ให้อนุญาต หรือตอบรับที่จะมีกิจกรรมทางเพศกับอีกบุคคลหนึ่ง” หากไม่ได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย กิจกรรมทางเพศที่เกิดขึ้น จะถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ
Consent จะต้องถูกแสดงออกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะผ่านทาง “คำพูด” หรือ “การกระทำ” เราไม่สามารถคาดเดาจากบริบทที่ไร้คำพูดเเล้วคิดไปเองว่าอีกฝ่ายยินยอมได้
ในกรณีต่อไปนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยินยอมด้วยคำพูดและการกระทำ จะไม่ถือว่าเป็น consent ที่ถูกต้อง
- เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขาดสติสัมปัชชัญญะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์
- เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีสติรู้ตัวหรือกำลังนอนหลับ
- เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่ในบทบาทที่ต้องเชื่อฟังอีกฝ่าย เช่น นักเรียนกับอาจารย์ นายจ้างกับลูกจ้างเป็นต้น
- มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้กำลังบีบบังคับอีกฝ่ายให้ร่วมกิจกรรมทางเพศกับตน
- มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนใจและกล่าวปฏิเสธ
แล้วทำไม Consent ถึงสำคัญ?
ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่ยินยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์จะถือว่าเป็นความรุนแรงทางเพศรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นได้ทั้ง
การล่วงละเมิดทางเพศ: การปฏิบัติทางเพศอย่างไม่ได้รับความสมัครใจใดๆ ก็ตามที่บุคคลหนึ่งกระทำต่อบุคคลหนึ่ง รวมไปถึงการสัมผัสต่างๆ เช่น การจูบ การลูบไล้ การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก หรือ การมีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่
การคุกคามทางเพศ: การปฏิบัติทางเพศที่ไม่ได้รับความสมัครใจด้วยคำพูดหรือการกระทำที่ส่อถึงกิจกรรมทางเพศทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านการใช้สายตา ท่าทาง เสียง คำพูด ร่างกาย หรือสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อรู้สึกไม่พอใจ ไม่ปลอดภัย อึดอัด และเดือดร้อน
เราทุกคนควรมีความรับผิดชอบว่าทุกครั้งก่อนที่จะมีกิจกรรมทางเพศเกิดขึ้น เราต้องแน่ใจก่อนว่าอีกฝ่ายยินยอมโดยสมัครใจแล้ว หากเราไม่แน่ใจว่าคู่ของเราจะยินยอม จำเป็นที่จะต้องถามอีกฝ่ายก่อนว่ารู้สึกอย่างไรก่อนที่เหตุการณ์จะเลยเถิด การมีเพศสัมพันธ์ต้องเกิดจากการยินยอมสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ความยินยอมของอีกฝ่ายไม่สามารถมาจากการคาดเดาด้วยสถานการณ์ต่อไปนี้
- ภาษากาย ภาพลักษณ์ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่ได้ผ่านการสื่อสารด้วยคำพูด : ไม่ควรตัดสินคนอื่นจากการแต่งกาย การที่อีกฝ่ายยิ้มให้ จ้องมอง ไม่ได้แปลว่าเขาอยากมีเพศสัมพันธ์ด้วย
- สถานะความสัมพันธ์หรือประสบการณ์ทางเพศร่วมกันในอดีต : การที่เคยยินยอมมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อนไม่ได้แปลว่าจะอยากมีเพศสัมพันธ์ในครั้งถัดไป
- การแต่งงาน : แม้จะเป็นสามี-ภรรยากัน ก็ไม่ควรจะเหมารวมไปว่าคู่ของตนยินยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วยทุกครั้งที่อีกฝ่ายต้องการ การข่มขืนคู่สมรสเป็นความรุนแรงทางเพศแบบหนึ่งซึ่งมีโทษร้ายแรงเทียบเท่าการล่วงละเมิดทางเพศรูปแบบอื่นๆ
- การเคยยินยอมในกิจกรรมทางเพศรูปแบบหนึ่งไม่ได้แปลว่ายินยอมกับทุกกิจกรรมทางเพศที่อีกฝ่ายต้องการ :การยินยอมให้ทำกิจกรรมทางเพศรูปแบบหนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมทำกิจกรรมทางเพศรูปแบบอื่นด้วยโดยไม่ต้องถามความยินยอมก่อน เช่น ยอมให้จูบได้แต่ไม่ได้แปลว่าจะยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย เป็นต้น
- การเงียบ การไม่โต้ตอบ การไม่ขัดขืน หรือ ไม่ขยับตัวหนี : การเงียบไม่ควรถูกเหมารวมว่ายินยอม หากไม่ได้ตกลงอย่างชัดเจนที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วย แม้จะไม่ได้ปฎิเสธหรือขัดขืนก็ถือว่าไม่ได้ยินยอม
- การขาดสติสัมปัชชัญญะ : ไม่ว่าจะเป็นเพราะแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติด การให้ความยินยอมทั้งๆ ที่ไม่มีสตินั้นไม่ใช่การยินยอมที่เเท้จริง นอกจากนี้แอลกอฮอล์มักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม มอมเมาเหยื่อให้ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย และมักถูกใช้เป็นข้ออ้างของคนกระทำผิด ว่าทำไปเพราะขาดสติ
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคู่ของคุณยินยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่?
คนทั้งสองคน ที่กำลังจะร่วมกิจกรรมทางเพศ ต้องตกลงกันทั้งสองฝ่ายถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ความยินยอมคือทางเลือกที่เลือกด้วยกันทั้งสองฝ่ายโดยแสดงออกดังนี้
การให้ความยินยอม เกิดขึ้นได้โดย
- ทั้งคู่มีสติรับรู้ความต้องการของตัวเอง และตกลงกันด้วย “คำพูด”
- ทั้งคู่พูดคำว่า “ได้” ออกมา (พยักหน้าอย่างเดียวไม่พอ)
แต่จำไว้ว่าการตอบรับต่อกิจกรรมหนึ่งไม่ได้แปลว่าตอบรับต่อกิจกรรมประเภทอื่นด้วย และก่อนที่จะเปลี่ยนจากการกระทำหนึ่งไปสู่การกระทำต่อ เช่น จากการจูบไปเป็นการมีเพศสัมพันธ์ ก็ต้องขอความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อนทุกครั้ง และการโน้มน้าวอีกฝ่ายให้ตอบรับก็ไม่ใช่การยินยอมโดยสมัครใจเช่นกัน
ข้อควรระวัง:
- การให้ความยินยอมต่อกิจกรรมหนึ่งไม่ได้แปลว่ายินยอมต่อกิจกรรมรูปแบบที่จะตามมาทั้งหมด ดังนั้น ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนกิจกรรม ต้องขอความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อนทุกครั้ง เช่น จากการจูบไปมีเพศสัมพันธ์ ต้องขอความยินยอมของอีกฝ่ายใหม่
- การโน้มน้าวใจให้อีกฝ่ายตอบรับ ไม่ใช่การยินยอม
แล้วจะขอ Consent อย่างไรไม่ให้ขัดบรรยากาศดีนะ?
ให้ถามเหมือนกับการขออนุญาตในเรื่องทั่วไป เพราะการขอความยินยอมเป็นเรื่องปกติ ใช้คำพูดที่สุภาพ ห้ามคาดคั้นอีกฝ่าย
ตัวอย่างคำถาม: ฉันทำ…ได้ไหม ? คุณอยากให้ฉันทำ…ไหม?
รอให้อีกฝ่ายให้คำตอบอย่างใจเย็น ถ้าอีกฝ่ายปฎิเสธ ก็ไม่ควรเร่งเร้าหรือถามต่อไป ควรจะหยุดเเค่นั้น
แต่ถ้าอีกฝ่ายให้คำตอบกำกวม หรือเงียบไป ควรจะถามซ้ำอีกครั้ง
ตัวอย่างคำถาม: ฉันอยากแน่ใจว่าคุณต้องการจะทำแบบนี้? หรือ ฉันต้องขอถามความรู้สึกของคุณก่อนว่าคุณโอเคมั้ยที่จะ…? หรือ ฉันโอเคนะถ้าคุณไม่ต้องการให้ฉันทำ…คุณสามารถบอกฉันได้ เป็นต้น
เรื่องโดย :สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA-Thailand)
Content Creator นางสาวณัฐวดี สิงหะ นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
แหล่งอ้างอิง :
Kids help phone https://kidshelpphone.ca/get-info/consent-what-it-and-why-its-important
U Matter, Princeton University https://umatter.princeton.edu/respect/consent/asking-consent
Sexual Assault Prevention and Awareness Center, University of Michigan https://sapac.umich.edu/article/49 (อาจจะ access เพจนี้ไม่ได้แล้ว)