คุณหมอคะคือหนูกับแฟนมีเพศสัมพันธ์กันมา3-4ครั้งแล้ว และทุกครั้งคือไม่ได้ใส่ถุงเลย พอมารอบที่4หนูมีอะไรกับแฟนตอนที่หนูเองเป็นประจำเดือนแต่มันพึ่งเป็นค่ะแบบผ่าไฟแดงอะไรประมาณนั้น แล้วคือตอนนั้นตอนที่แฟนมามีอะไรกับหนูช่วง4มีนาที่ผ่านมา คือตอนนั้นหนูสังเกตว่าแฟนหนูมีผื่นขึ้นที่ริมฝีปาก และที่ตา ทีแรกหนูไม่เอะใจอะไรเลย คิดว่าแค่แฟนอาจจะนอนน้อยแล้วมีผื่นขึ้นแค่นั้น พอเสร็จกิจกรรมอะไรเสร็จ สองสัปดาห์ถัดมาหลังจากนั้น วันที่25 หนูเริ่มมีอาการคันที่อวัยวะเพศ และมีตุ่มใสๆขึ้นที่ก้น คล้ายตุ่มผื่นค่ะเป็นตุ่มแดงๆ มีน้ำใสๆข้างใน คันเป็นบางครั้ง และทุกครั้งหนูหงุดหงิดเผลอเกาจนน้ำใสๆแตกออกจากตุ่มตลอดเลย เลยหาข้อมูลจนมาเจอคำถามคนถามเหมือนกันว่ามีอาการแบบนี้ ทีแรกนึกว่าตัวเองเป็นแค่โรครูขุมขนอักเสบ แต่มันก็ยังไม่ตรงกับตุ่มใสและอาการคันเลยจนมาเจอโรคเริม หนูลองศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจนเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองจะป่วยเป็นแบบนี้รึเปล่า หนูถามแฟนเขาบอกเขามีผื่นขึ้นที่ปากตาแขนและหลังเป็นมาหลายอาทิตย์แล้วก็ยังไม่หาย แถมวันนี้เขาส่งรูปอวัยวะมาให้ดู หนูสังเกตว่าเขามีตุ่มเล็กๆขึ้นบริเวณเหยื่อหุ้มส่วนปลายอวัยวะเพศ มันตรงกับอาการโรคเริมมาก หนูเลยเครียดว่าทั้งหนูและแฟนมีโอกาสที่จะหายจากโรคนี้มั้ยคะ คือตอนนี้สับสนและไม่แน่ใจว่ามันใช่เริมมั้ย แต่มันน่าจะใช่แหละค่ะ ตอนนี้เป็นกังวลมากเลยไม่รู้จะรักษายังไง คุณหมอช่วยแนะนำและให้ข้อมูลด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ🙇🏻♀️
เริมมี 2 ประเภท ประเภทที่ 1 เกิดขึ้นที่ริมฝีปากและเยื่อบุอ่อน ประเภทที่ 2 เกิดที่บริเวณอวัยวะเพศและรอบรูก้น ทั้ง 2 ประเภท ติดข้ามไปมาได้หากมีการสัมผัสถูไถ มันเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งถ้าติดแล้วรักษาไม่หายขาด แต่รักษาได้ คือปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ทายา/กินยากดมันลงไป
อาการมักจะเริ่มจากเป็นรอยแดงก่อนที่จะเป็นตุ่มน้ำใส คัน ปวดแสบปวดร้อนและเมื่อตุ่มน้ำแตกแผลโดนน้ำจะแสบมาก โรคจะหายเองได้แต่ใช้เวลา คนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเช่น ติดเชื้อเอชไอวี แผลจะหายช้ามากและเป็นซ้ำได้ คนทั่วไปก็เป็นซ้ำได้ถ้ามีความเครียด ผู้หญิงบางคนมักจะมีเริมก่อนเป็นประจำเดือน
วิธีการรักษา ถ้าแผลขยายวงกว้าง แนะนำกินยาอะซัยโคลเวียร์ขนาด 200 มก 1 เม็ด 5 เวลา เริ่ม 6.00, 10.00, 14.00, 18.00, 22.00 น นาน 5 วัน ยา 1 กล่อง มี 5 แผง กินจนหมด. กรณีที่มีแผลไม่มาก สามารถใช้อะซัยโคลเวียร์แบบครีม ทา 3-5 เวลา จนแผลหาย ระหว่างนี้ก็ทำแผลด้วยน้ำสะอาด เช้า ก่อนนอน ป้ายด้วยน้ำยาเบต้าดีนก่อนป้ายครีม
สำคัญมาก ต่อไปต้องสวมถุงยางทุกครั้งเวลาที่มีพสพ. อย่าคิดว่าก็มีเชื้อแล้วทั้งคู่ทำไมจะต้องป้องกันอีก การรับเชื้อเพิ่มแต่ละคนั้งเป็นการกระตุ้นให้เชื้อปะทุได้อีก ป้องกันไว้ก่อน
ของแถม หากคุณทั้งคู่ยังไม่เคยตรวจหาเชื้อเอชไอวี แนะนำให้ไปตรวจค่ะ ตรวจได้ที่รพ.ที่เราขึ้นสิทธิหลักประสุขภาพอยู่ (บัตรทองหรือประกันสังคม) ไม่มีค่าใช้จ่าย